บนเส้นทาง
ยังบางทีมีใครลืมไปว่า
กว่าจะมาเป็นดาวพร่างพราวฝัน
ต้องสู้ทนนานาสาระพัน
จึงเฉิดฉันแสงงามผ่องอำไพ
ยังบางทีมีใครลืมไปว่า
กว่าจะมาลาวัณย์ดังฝันใฝ่
ต้องล้มลุกคลุกคลานสักปานใด
จึงแจ่มใสน่ายลเมื่อฝนจาง
ยังบางทีมีใครลืมไปว่า
กว่าจะมาถึงสิทธิ์ที่คิดต่าง
ต้องเดินเดี่ยวเวียนวนหลายหนทาง
จึงรางชางทางศิลป์กวินกานท์
ยังบางทีมีใครลืมไปว่า
กว่าจะมาเป็นบทกลอนรสหวาน
ต้องโน้มจินต์สู่จันทร์ตะวันวาร
จึงพ้องพานซ่านในหทัยชน
ยังบางทีมีใครลืมไปว่า
กว่าจะมาพราวแสงสู่แห่งหน
ต้องผ่านเมฆมัวมารบันดาลดล
จึงพร่างบนพฤกษาช่อมาลี! ฯ
อริญชย์
๑๒/๔/๒๕๕๕
ยังบางทีมีใครลืมไปว่า
กว่าจะมาเป็นดาวพร่างพราวฝัน
ต้องสู้ทนนานาสาระพัน
จึงเฉิดฉันแสงงามผ่องอำไพ
ยังบางทีมีใครลืมไปว่า
กว่าจะมาลาวัณย์ดังฝันใฝ่
ต้องล้มลุกคลุกคลานสักปานใด
จึงแจ่มใสน่ายลเมื่อฝนจาง
ยังบางทีมีใครลืมไปว่า
กว่าจะมาถึงสิทธิ์ที่คิดต่าง
ต้องเดินเดี่ยวเวียนวนหลายหนทาง
จึงรางชางทางศิลป์กวินกานท์
ยังบางทีมีใครลืมไปว่า
กว่าจะมาเป็นบทกลอนรสหวาน
ต้องโน้มจินต์สู่จันทร์ตะวันวาร
จึงพ้องพานซ่านในหทัยชน
ยังบางทีมีใครลืมไปว่า
กว่าจะมาพราวแสงสู่แห่งหน
ต้องผ่านเมฆมัวมารบันดาลดล
จึงพร่างบนพฤกษาช่อมาลี! ฯ
อริญชย์
๑๒/๔/๒๕๕๕
บนเส้นทาง บากบั่น หันหน้าสู้
กล้ำกลืนอยู่ ในใจ ไร้สุขี
ต้องล้มลุก คลุกคลาน รานชีวี
ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน ทนทำไป
มีบางครั้ง บางครา ถูกด่าทั่ว
ให้หวาดกลัว มัวหม่น สุดทนไหว
ด้วยเส้นทาง หมายรุ่ง มุ่งเอาไว้
ต้องฝ่าฟัน เพียงใด เศร้าใจจัง
เห็นสดใส ไฉไล ฉากข้างหน้า
ใครจะรู้ ไหมว่า ฉากข้างหลัง
แสนเจ็บปวด ร้าวรวด อกแทบพัง
เหมือนเช่นดั่ง ละคร ย้อนดูตัว
พันทอง