ยิ้มทำไม ?
ยิ้มนั้นคือสื่อสารบอกผ่านถึง
จากใครหนึ่งถึงผู้ได้รู้เห็น
ได้รับตรงส่งหมายหลายประเด็น
ตามดั่งเช่นคนยิ้มพรมพริ้มพราย
หลากอารมณ์บ่มหมายจากฝ่ายยิ้ม
แฝงปนปริ่มอิ่มอดกำสรดหลาย
อารมณ์ทุกข์สุขหมองเปื้อนปองปลาย
ล้วนเทถ่ายทบถ้วนเข้าป่วนเป็น
ยิ้มด้วยสุขปลุกใครด้วยใสชื่น
ยามหยิบยื่นตื่นใจเพียงได้เห็น
โลกสดสวยด้วยสมรื่นรมย์เย็น
ไร้ลำเค็ญเป็นมิตรคู่คิดเคียง
แต่หากยิ้มด้วยเฝื่อนคล้ายเฉือนจิต
จืดสนิทมองเช่นเขม่นเสียง
ยิ้มพิฆาตฟาดคำล้นสำเนียง
ยิ้มแต่เพียงมุมปากกระชากคำ
ยิ้มแต่ปากหากตานั้นกล้าแกร่ง
แววตาแข็งแฝงไฟใส่กระหน่ำ
หาใช่มิตรคิดข้องหม่นหมองนำ
ยิ้มลึกล้ำนำเร้นล้วนเป็นภัย
ยิ้มจากปากหากสวยรวยชนชื่น
แสนร่มรื่นตื่นตาพาฝันใฝ่
อยากเป็นมิตรคิดอยู่เป็นคู่ใจ
แต่หากยิ้มแฝงนัย...ขอไกลทาง..
จากใครหนึ่งถึงผู้ได้รู้เห็น
ได้รับตรงส่งหมายหลายประเด็น
ตามดั่งเช่นคนยิ้มพรมพริ้มพราย
หลากอารมณ์บ่มหมายจากฝ่ายยิ้ม
แฝงปนปริ่มอิ่มอดกำสรดหลาย
อารมณ์ทุกข์สุขหมองเปื้อนปองปลาย
ล้วนเทถ่ายทบถ้วนเข้าป่วนเป็น
ยิ้มด้วยสุขปลุกใครด้วยใสชื่น
ยามหยิบยื่นตื่นใจเพียงได้เห็น
โลกสดสวยด้วยสมรื่นรมย์เย็น
ไร้ลำเค็ญเป็นมิตรคู่คิดเคียง
แต่หากยิ้มด้วยเฝื่อนคล้ายเฉือนจิต
จืดสนิทมองเช่นเขม่นเสียง
ยิ้มพิฆาตฟาดคำล้นสำเนียง
ยิ้มแต่เพียงมุมปากกระชากคำ
ยิ้มแต่ปากหากตานั้นกล้าแกร่ง
แววตาแข็งแฝงไฟใส่กระหน่ำ
หาใช่มิตรคิดข้องหม่นหมองนำ
ยิ้มลึกล้ำนำเร้นล้วนเป็นภัย
ยิ้มจากปากหากสวยรวยชนชื่น
แสนร่มรื่นตื่นตาพาฝันใฝ่
อยากเป็นมิตรคิดอยู่เป็นคู่ใจ
แต่หากยิ้มแฝงนัย...ขอไกลทาง..
"บ้านริมโขง"
๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕