เหมือนไร้ค่าพาช้ำจนต่ำสุด
เหมือนสะดุดหลักตอเกินต่อขาน
เหมือนชีวิตติดก้าวเกินร้าวราน
เหมือนลมปราณซ่านยับล้มพับลง
เถิด..โลกนี้มืดดับกลับสว่าง
ใช่ไร้ทางมองฝ่าหาประสงค์
เพียงฮึดสู้หมู่มารแตกซ่านลง
เพียงดำรงตนมั่นไม่หวั่นทาง
ต้องยอมรับปรับสภาพ-ระนาบไหน
เหตุอันใดไม่หาตามมาขวาง
บรรจงถอดมอดดับกับปล่อยวาง
แสงสว่างตามส่องหม่นหมองคลาย
แยกความรักระหว่างงานการเสถียร
ให้มุ่งเพียรรักตนอย่าก่นหมาย
ว่าใครเขาไม่รักจักมลาย
ให้เสียดายตัวก่อนไปอ้อนคน
พี่มีเพียงกำลังใจมอบให้สู้
ให้ยืนอยู่คู่ขวัญในวันหม่น
อย่าท้อแท้ให้ใครได้เยี่ยมยล
หน้าของตนวางเข้ม..เต็มกำลัง.
เหมือนสะดุดหลักตอเกินต่อขาน
เหมือนชีวิตติดก้าวเกินร้าวราน
เหมือนลมปราณซ่านยับล้มพับลง
เถิด..โลกนี้มืดดับกลับสว่าง
ใช่ไร้ทางมองฝ่าหาประสงค์
เพียงฮึดสู้หมู่มารแตกซ่านลง
เพียงดำรงตนมั่นไม่หวั่นทาง
ต้องยอมรับปรับสภาพ-ระนาบไหน
เหตุอันใดไม่หาตามมาขวาง
บรรจงถอดมอดดับกับปล่อยวาง
แสงสว่างตามส่องหม่นหมองคลาย
แยกความรักระหว่างงานการเสถียร
ให้มุ่งเพียรรักตนอย่าก่นหมาย
ว่าใครเขาไม่รักจักมลาย
ให้เสียดายตัวก่อนไปอ้อนคน
พี่มีเพียงกำลังใจมอบให้สู้
ให้ยืนอยู่คู่ขวัญในวันหม่น
อย่าท้อแท้ให้ใครได้เยี่ยมยล
หน้าของตนวางเข้ม..เต็มกำลัง.
"บ้านริมโขง"
เป็นช่วงของ ความเศร้า รุมเร้าจิต
เหมือนถูกพิษ ร้ายลาม ทำสิ้นหวัง
ทุกข์ระทม ถมท้อ ก่อประดัง
รอยความหลัง ครั้งก่อน ย้อนทำลาย
เมื่อถึงจุด สุดท้าย ใจสิ้นสุด
จำต้องหยุด ทุกอย่าง ในทางหมาย
ยังดิ้นรน ใฝ่ถึง ซึ่งบั้นปลาย
แม้จะสาย ไปนิด ยังคิดครวญ
ยอมรับกับความจริง ทุกสิ่งสรร
กับวานวัน ผ่านที่มีมีหวน
เก็บรอยหม่นหมองหมาง ทางแปรปรวน
ไม่เรรวน ชวนช้ำ เช่นกรรมมี
จะแยกออก เรื่องราว คร่าวปวดปร่า
เช็ดน้ำตา ที่แต้ม แก้มนวลศรี
เมื่อเขาสิ้นอาลัย ไม่ใยดี
น้องคนนี้ จะยั้ง ไม่รั้งเลย
ขอขอบคุณ กำลังใจ ที่ให้สู้
จะยืนอยู่ ในค่าคน บนเปิดเผย
จะไม่ท้อ เผื่อใครหยาม ถึงทรามเชย
จะลงเอย อย่างแข็งเข้ม..เต็มกำลัง….
"สุนันยา"