ชื่อบทกลอน : อาลัยเยาวเรศ
ผู้แต่ง : เมฆสีรุ้ง
ผู้แต่ง : เมฆสีรุ้ง
(ขอขอบคุณภาพประกอบจาก www.kapook.com)
อาลัยเยาวเรศ
ท่ามกลางดวงดงภุมเรศ
ยังยวนยลแลเพศเฉดบุปผา
สีสันมลังเมลืองอร่ามตา
แว่วเสียงสกุณาวนาดอน
พันธุ์เพรียวเขียวชอุ่มชโลมเนตร
ชุ่มชื้นระรื่นเคจฉ์เสกสลอน
เย็นจับพสุธาระอัมพร
ขจีลุ่มหุ้มขจรขจายพันธุ์
เดินดอมตอมกลิ่นประทินยล
เหนือกลิ่นรสสุคนธ์ที่ดลฝัน
สายธารทอแสงแข่งตะวัน
ระยิบยาวพราวอำพันละลานตา
สะท้อนรอนรับแสงรวนระเรข
รายระยับจับเมฆในเวหา
เป็นสายรุ้งคุ้งครอบรจนา
แต่งแต้มท้องนภาให้น่ามอง
เหลียวมองรอบกายที่ใดนี่
เดินทางกลางวิถีที่สนอง
ดั้นด้นทนฝ่าดาษละออง
ถึงครรลองปองฝันกระนั้นฤๅ
หันกลับลับตาที่มานั้น
ขวากหนามที่เคยกั้นสะบั้นหวือ
บากบั่นฟันฝ่าด้วยสองมือ
แหกหักยักยื้อจนถึงทาง
เพ่งพิศทิศหน้าว่างามนัก
เพิ่งประจักษ์จุดหมายไม่เกินสาง
สุดเขตขอบนภาที่เลือนราง
แลเห็นแสงสว่างอยู่รำไร
จากจรมรคาที่มานั้น
จนพลันทันเห็นทางสว่างไสว
ให้หวนคิดถึงยอดยวงดวงฤทัย
ป่านนี้จะเป็นไรไม่รู้ดี
ฝากพระพายร่ายสาส์นผ่านเวหา
ข้ามนภาผ่านภพนพวิถี
สะท้อนแรงแสงดาวในราตรี
ส่งสดับนารีที่เฝ้ารอ
บอกเจ้าทุเลาใจนะมิ่งแก้ว
พี่มาถึงที่แล้วแคล้วคลาดหนอ
แสงสว่างสุดทางอาบสายทอ
จึ่งชะลอถ่อความมาเยี่ยมเยือน
ไม่ต้องพ้อท้อใจให้โศกศัลย์
แม้ไม่อาจมาด้วยกันพลันเสมือน
ยังเราสองประคองก่ายไม่บ่ายเบือน
จวบจนฝันรางเลือนได้เหมือนจริง
ไม่เคยลืมวันเก่าของเราสอง
ร่วมครรลองล่องรักกระหนุงกระหนิง
อาจจะผ่านมาแล้วก็นานจริง
แต่ดวงใจใฝ่ประวิงไม่ทิ้งนวล
พักล้าจากทางฝันอันสดใส
ทอดกายระบายใจให้ลมหวน
ภาพเก่าที่เรารักยังมักยวน
ยังเชื้อชวนให้มวลจิตคิดถึงเธอ
ไม่รู้ยอดดวงรักประจักษ์ไหม
ผิจะคิดไปไกลว่าฉันเพ้อ
เหมือนที่เคยเปรยปลงหลงละเมอ
พร่ำภิรมย์หาเธอถึงดวงจันทร์
วันวานผันผ่านนานมาแล้ว
ที่ดวงแก้วเยาวเรศร่วมเสกฝัน
แม้ชะตามิอาจยื้อดื้อดึงดัน
ต้องจำจากพรากกันนิรันดร
เสียงหัวร่อต่อกระซิกระริกระรี้
ชวนเกษมเปรมปรีดิ์มีออดอ้อน
ยังจำจดทดไว้ไม่ลดทอน
เป็นกำลังยามอ่อนให้ลุกเดิน
แม้สิ้นฝันเราสองที่ร่วมสร้าง
แม้อ้างว้างเพียงใดที่ห่างเหิน
เมื่อเธอฝากให้ฉันพาดำเนิน
จวบจำเริญเผชิญชอบขอบนภา
บัดนี้จวนเจียนจะถึงแล้ว
จึงวางร่างถ้อยแก้วระแว่วหา
จากเบื้องล่างสู่ห้วงฟ้าดารกา
ให้ดวงเจ้าเยาวภาพิราลัย
ยังยวนยลแลเพศเฉดบุปผา
สีสันมลังเมลืองอร่ามตา
แว่วเสียงสกุณาวนาดอน
พันธุ์เพรียวเขียวชอุ่มชโลมเนตร
ชุ่มชื้นระรื่นเคจฉ์เสกสลอน
เย็นจับพสุธาระอัมพร
ขจีลุ่มหุ้มขจรขจายพันธุ์
เดินดอมตอมกลิ่นประทินยล
เหนือกลิ่นรสสุคนธ์ที่ดลฝัน
สายธารทอแสงแข่งตะวัน
ระยิบยาวพราวอำพันละลานตา
สะท้อนรอนรับแสงรวนระเรข
รายระยับจับเมฆในเวหา
เป็นสายรุ้งคุ้งครอบรจนา
แต่งแต้มท้องนภาให้น่ามอง
เหลียวมองรอบกายที่ใดนี่
เดินทางกลางวิถีที่สนอง
ดั้นด้นทนฝ่าดาษละออง
ถึงครรลองปองฝันกระนั้นฤๅ
หันกลับลับตาที่มานั้น
ขวากหนามที่เคยกั้นสะบั้นหวือ
บากบั่นฟันฝ่าด้วยสองมือ
แหกหักยักยื้อจนถึงทาง
เพ่งพิศทิศหน้าว่างามนัก
เพิ่งประจักษ์จุดหมายไม่เกินสาง
สุดเขตขอบนภาที่เลือนราง
แลเห็นแสงสว่างอยู่รำไร
จากจรมรคาที่มานั้น
จนพลันทันเห็นทางสว่างไสว
ให้หวนคิดถึงยอดยวงดวงฤทัย
ป่านนี้จะเป็นไรไม่รู้ดี
ฝากพระพายร่ายสาส์นผ่านเวหา
ข้ามนภาผ่านภพนพวิถี
สะท้อนแรงแสงดาวในราตรี
ส่งสดับนารีที่เฝ้ารอ
บอกเจ้าทุเลาใจนะมิ่งแก้ว
พี่มาถึงที่แล้วแคล้วคลาดหนอ
แสงสว่างสุดทางอาบสายทอ
จึ่งชะลอถ่อความมาเยี่ยมเยือน
ไม่ต้องพ้อท้อใจให้โศกศัลย์
แม้ไม่อาจมาด้วยกันพลันเสมือน
ยังเราสองประคองก่ายไม่บ่ายเบือน
จวบจนฝันรางเลือนได้เหมือนจริง
ไม่เคยลืมวันเก่าของเราสอง
ร่วมครรลองล่องรักกระหนุงกระหนิง
อาจจะผ่านมาแล้วก็นานจริง
แต่ดวงใจใฝ่ประวิงไม่ทิ้งนวล
พักล้าจากทางฝันอันสดใส
ทอดกายระบายใจให้ลมหวน
ภาพเก่าที่เรารักยังมักยวน
ยังเชื้อชวนให้มวลจิตคิดถึงเธอ
ไม่รู้ยอดดวงรักประจักษ์ไหม
ผิจะคิดไปไกลว่าฉันเพ้อ
เหมือนที่เคยเปรยปลงหลงละเมอ
พร่ำภิรมย์หาเธอถึงดวงจันทร์
วันวานผันผ่านนานมาแล้ว
ที่ดวงแก้วเยาวเรศร่วมเสกฝัน
แม้ชะตามิอาจยื้อดื้อดึงดัน
ต้องจำจากพรากกันนิรันดร
เสียงหัวร่อต่อกระซิกระริกระรี้
ชวนเกษมเปรมปรีดิ์มีออดอ้อน
ยังจำจดทดไว้ไม่ลดทอน
เป็นกำลังยามอ่อนให้ลุกเดิน
แม้สิ้นฝันเราสองที่ร่วมสร้าง
แม้อ้างว้างเพียงใดที่ห่างเหิน
เมื่อเธอฝากให้ฉันพาดำเนิน
จวบจำเริญเผชิญชอบขอบนภา
บัดนี้จวนเจียนจะถึงแล้ว
จึงวางร่างถ้อยแก้วระแว่วหา
จากเบื้องล่างสู่ห้วงฟ้าดารกา
ให้ดวงเจ้าเยาวภาพิราลัย
ปล. ดาวบนฟ้าคว้ามาได้... ใครเล่าจะร่วมชื่นชม...
ด้วยรักและอาลัย.... เมฆสีรุ้ง