ก่อนเป็นฟาง สร้างค่า นิจจาเอ๋ย
ไฉนเลย เฉยชิน จนสิ้นหวง
ให้ช้ำฟก อกร้อน สะท้อนทรวง
เพียงวารล่วง ดวงขวัญ ก็ปันใจ
ยามเป็นข้าว คราวกลืน นั้นชื่นปาก
ครั้นเป็นฟาง ร้างจาก สากไฉน
เปรียบนารี มีรัก ปักฤทัย
สิ้นเยื่อใย ใช่ฟาง เจ้าร้างเมิน.../
บูรพาท่าพระจันทร์
ต้นข้าวเคยพลิ้วไหว ใบพลิ้วแผ่ว
ออกรวงแล้วคุณค่าน่าสรรเสริญ
ทั่วท้องทุ่งอร่ามงามเหลือเกิน
ให้มองเพลินขอบคุ้งทุ่งรวงทอง
โดยหุ่นฟางกลางนาเหว่ว้านั้น
ย่อมตื้นตันยามมีเพื่อนพี่ผอง
เป็นน้ำใจแวะเยือนเพื่อนกานท์กรอง
ด้วยทำนอง..ละมุน..เช่นหุ่นฟาง
รการตติ
มีค่า..แค่เฝ้าข้าว
มิร้อนหนาวราวเป็นหิน
ควรคู่หรือดูชิน
ไร้ความหมายในสายตา
สร้างฉัน..หวั่นวิหค
เพื่อตระหนกขวัญผวา
เรียกฉัน"หุ่นไล่กา"
หลอกให้กลัวหลอกตัวเอง
ราคา..หลังคมเคียว
ตากจนเหี่ยวแทบหงายเก๋ง
ใบประทวนถูกละเลง
เศร้าระกำจำนำรอ
ได้เงิน..มาส่งกู้
หายใจสู้ธอ.กอ.สอ.
เปรี้ยวหวานไม่ผ่านคอ
ทำทั้งปีไม่มีตังค์
เหม่อมอง..บนเถียงร้าง
"เจ้าหุ่นฟางข้าสิ้นหวัง"
มัดใหม่ไว้กำบัง
สร้างอีกตัว...ใส่หัวใจ
ค่ำคืน..เอาไว้กอด
เพื่อพร่ำพรอดยามร่ำไห้
ทบทวนควรชื่อไร?
รการตติ..ดีมั๊ย?..ถามใครดี?
...Music...
ยุ้งร้าง...ที่ฟางคุ้น
ทุกอรุณทำหน้าที่
มัดใหม่ใส่ชีวี
ให้ดำเนินและเดินทาง
พบผู้รู้คุณค่า
กาลเวลาที่เยื้องย่าง
ถอดใจในหุ่นฟาง
ใส่กมลคนเดินดิน
เที่ยวท่องหมายปองคิด
เพื่อใช้สิทธิ์จิตถวิล
บากหน้าเป็นอาจิณ
ละลอกแล้วละลอกเล่า
หนทางที่กว้างไกล
พบสิ่งใหม่ไม่บรรเทา
เรียนรู้จากผู้เยาว์
สังคมเมืองเรื่องโลกีย์
ไขว่คว้าหาชีวิต
ถูกลิขิตให้ผิดที่
แตกต่างอย่างริบหรี่
ในความสุขที่พลุกพล่าน
กลับไป ในร่างเดิม
ค่อยค่อยเพิ่มเติมวิญญาณ
แต่เดิมเสริมดวงมาน
ชื่อ รการ ตติ เอย...
รการตติ