คลื่นใหญ่ไล่ริ้วพริ้วผ่าน
สะท้านเรือโยนโผนโผง
น้ำสาดผึงผึงถึงกระโดง
นั่งโยงเปียกเผ้าเช้าเย็น
กลางเลแลไปไร้ฝั่ง
ขอบฟ้าลางครั้งไม่เห็น
มืดมัวฝนฟ้ากระเซ็น
ลำเค็ญเรือน้อยลอยลำ
ชีพน้อยลอยสมุทรดุจมด
เลี้ยวลดกลางคลื่นคืนค่ำ
มีดาวเป็นเพื่อนเตือนจำ
ชีพนี้ฝากน้ำนำพา
บนฝั่งยังคอยรอยยิ้ม
ดาวพริ้มพริบพร่างเพหา
นั่นเธอใช่ไหมยิ้มมา
นัยน์ตาคู่นั้นฉันรู้
สุกสกาวพราวพร่างอย่างนี้
ย่อมสีดวงตาทั้งคู่
เธอมองจ้องเห็นเอ็นดู
ยอดชู้เรามองจ้องกัน ฯ
กามนิต - ๒๗ มี.ค.๕๕
สะท้านเรือโยนโผนโผง
น้ำสาดผึงผึงถึงกระโดง
นั่งโยงเปียกเผ้าเช้าเย็น
กลางเลแลไปไร้ฝั่ง
ขอบฟ้าลางครั้งไม่เห็น
มืดมัวฝนฟ้ากระเซ็น
ลำเค็ญเรือน้อยลอยลำ
ชีพน้อยลอยสมุทรดุจมด
เลี้ยวลดกลางคลื่นคืนค่ำ
มีดาวเป็นเพื่อนเตือนจำ
ชีพนี้ฝากน้ำนำพา
บนฝั่งยังคอยรอยยิ้ม
ดาวพริ้มพริบพร่างเพหา
นั่นเธอใช่ไหมยิ้มมา
นัยน์ตาคู่นั้นฉันรู้
สุกสกาวพราวพร่างอย่างนี้
ย่อมสีดวงตาทั้งคู่
เธอมองจ้องเห็นเอ็นดู
ยอดชู้เรามองจ้องกัน ฯ
กามนิต - ๒๗ มี.ค.๕๕
เรือน้อย เคว้งคว้าง กลางคลื่น
วัน,คืน เดียวดาย ไหวหวั่น
ลมซัด แดดโหม โรมรัน
เคี่ยวขัน หมั่นเพียร เวียนวน
ตรากตรำ จำเจ เหว่ว้า
จับปลา อาพัทธ์ ขัดสน
เหงื่อริน สิ้นหวัง กังวล
กมล พันผูก ลูกเมีย
สุนทรวิทย์
วัน,คืน เดียวดาย ไหวหวั่น
ลมซัด แดดโหม โรมรัน
เคี่ยวขัน หมั่นเพียร เวียนวน
ตรากตรำ จำเจ เหว่ว้า
จับปลา อาพัทธ์ ขัดสน
เหงื่อริน สิ้นหวัง กังวล
กมล พันผูก ลูกเมีย
สุนทรวิทย์