ยังมีวันพรุ่งนี้ : ชีวิตพอเพียง
…..
เขาตัดพ้อต่อว่าหน้ากระจก
โชคชะตาเล่นตลกจนตกต่ำ
อนาคตหมดสิทธิ์จะคิดทำ
เป็นเพียงความชอกช้ำและจำเจ
เหมือนมันผ่านเมื่อวานมานานนม
เกิดอารมณ์จมปลักการหักเห
ความรู้สึกอ้างว้างกลางทะเล
โดนคลื่นซัดโซเซพัดเพมา
ใบหน้ายิ้มแสร้งหัวเป็นตัวบีบ
แต่หัวใจกับลีบถูกลบค่า
จากน้ำเสียงได้ฟังการสั่งลา
มีคำตอบในดวงตาอย่างทารุณ
เป็นเงินเดือนงวดสุดท้ายเจ้านายบอก
สิ้นสุดการจนตรอกระลอกหุ้น
คือความจริงวันนี้ไม่มีทุน
จึงไม่อาจรับคุณไว้ทำงาน
มันเป็นความหนักอึ้งมัดตึงแน่น
รถถูกแล่นจากกรุงมุ่งสู่บ้าน
คิดถึงการติดลบงบประมาณ
จึงถูกวานให้ออกช้ำชอกใจ
พ้นตะวันรุ่งเรืองจากเมืองบาป
ที่ถูกสาปนานนับไม่หลับไหล
สู่ท้องทุ่งสล้างกว้างกลางไพร
รับสายลมวูบไหว, น้ำใสเย็น
…..
ค่อยค่อยเติมความหมายหลายปีผ่าน
ฤดูกาลเก็บเกี่ยวอย่างเคี่ยวเข็ญ
ข้าวในนาปลาในน้ำพล่านกระเซ็น
นั่นแหล่ะเป็นผลผลิตการคิดทำ
ใช่จะหมดหนทางทุกย่างก้าว
ขณะสาวหรือหนุ่มก็ชุ่มฉ่ำ
ตามแบบแผนแต่ก่อนไร้ซ่อนงำ
ได้จดจำพอเพียงไว้เลี้ยงตน
ที่ผ่านมาตระหนกกระจกแก้ว
อยู่ในแนวกำหนดบทเข้มข้น
แต่ตอนนี้กลับมารู้ค่าคน
ที่อยู่บนพื้นฐานการพอเพียง..!!
…..
ภาพจาก bloggang.com
ใครตัดพ้อ ต่อว่า อย่าไปสน
จิตของคน ปนปาก ไม่อยากเสี่ยง
ยิ่งพูดมาก เกินทน ไม่ยลเยียง
ควรหลีกเลี่ยง เพียงใจ ไม่ใฝ่ปอง
เรื่องร้ายร้าย กลายผ่าน เมื่อวานนี้
ถ้อยวจี ปีบคั้น อกกลั่นหนอง
น้ำตาเรา มีค่า ยิ่งกว่าทอง
อย่าปล่อยให้ ไหลนอง ทาบสองปรางค์
ดีแค่ไหน ที่เขาให้ ได้ซองขาว
คิดคร่าวคร่าว เราต้องไม่หมองหมาง
จิตใจแกร่ง แขนขา พานำทาง
สู่ทุ่งกว้าง กลางนา ฟ้าจรดดิน
หยุดชีวิต คนเมือง ที่เรืองรุ่ง
ย่ำเหยียบทุ่ง จรุงจิต มิดีดดิ้น
ข้าวในนา ปลาในน้ำ ฉ่ำชีวิน
หาเลี้ยงกาย จนสิ้น ถิ่นพอเพียง
พันทอง