ชื่อผู้แต่ง:ไร้นาม
แสงลมอ่อนภากรคล้อยลอยลับแล้ว
เสียงเจื้อยแจ้ววิหคร้องซ้องผสาน
พลางโผบินสู่ถิ่นรังหลังวิกาล
จันทร์คืบคลานเคลื่อนขับรับราตรี
เด่นสกาวหมู่ดาวส่องบนท้องฟ้า
ระยิบตาลลิตล้วนนวลฉวี
เป็นประกายฉายฉาบทาบธาตรี
แวววารีเรื่อเรืองไรทั่วสายธาร
นึกน้อมนำธรรมชาติท่านวาดไว้
เป็นแรงใจให้ชีวิตคิดฮึกหาญ
สู้อดทนฝึกฝนประสบการณ์
กลับคืนบ้านทอแสงไฟให้ประชา
เทียบเทียนนี้มีราคาว่ามากน้อย
คงต่ำต้อยกว่าสุริเยนทร์เป็นนักหนา
หากสว่างบนทางมืดฝืดเคืองตา
ครองคุณค่าดั่งดวงจันทร์ในวันเพ็ญ
เฉกตัวฉันยึดมั่นความฝันใฝ่
ท้องถิ่นไทยเจริญจรัสปราศทุกข์เข็ญ
แสนสงสารประชาชนทนลำเค็ญ
จึงขอเป็นเทียนดวงน้อยคอยส่องทาง
มีพธูยืนอยู่เคียงพร้อมเพรียงพริ้ง
ไม่ประวิงอุปสรรคที่ขัดขวาง
ดุจดวงดาวพราวแสงคู่คคนางค์
เดินเคียงข้างสู่หลักชัยดั่งใจจง
เสียงเจื้อยแจ้ววิหคร้องซ้องผสาน
พลางโผบินสู่ถิ่นรังหลังวิกาล
จันทร์คืบคลานเคลื่อนขับรับราตรี
เด่นสกาวหมู่ดาวส่องบนท้องฟ้า
ระยิบตาลลิตล้วนนวลฉวี
เป็นประกายฉายฉาบทาบธาตรี
แวววารีเรื่อเรืองไรทั่วสายธาร
นึกน้อมนำธรรมชาติท่านวาดไว้
เป็นแรงใจให้ชีวิตคิดฮึกหาญ
สู้อดทนฝึกฝนประสบการณ์
กลับคืนบ้านทอแสงไฟให้ประชา
เทียบเทียนนี้มีราคาว่ามากน้อย
คงต่ำต้อยกว่าสุริเยนทร์เป็นนักหนา
หากสว่างบนทางมืดฝืดเคืองตา
ครองคุณค่าดั่งดวงจันทร์ในวันเพ็ญ
เฉกตัวฉันยึดมั่นความฝันใฝ่
ท้องถิ่นไทยเจริญจรัสปราศทุกข์เข็ญ
แสนสงสารประชาชนทนลำเค็ญ
จึงขอเป็นเทียนดวงน้อยคอยส่องทาง
มีพธูยืนอยู่เคียงพร้อมเพรียงพริ้ง
ไม่ประวิงอุปสรรคที่ขัดขวาง
ดุจดวงดาวพราวแสงคู่คคนางค์
เดินเคียงข้างสู่หลักชัยดั่งใจจง