เคยมาเดินชมดาวคราวเหมันต์
เมฆบังจันทร์เลือนรางหว่างสิงขร
กับขอบฟ้าอ้างว้างอันจางจร
ฝากตอบกลอนในใจใกล้ใกล้ดาว
ว่าคืนต้นคิมหันต์ฉันเชิญชม
เมื่อสายลมโชยมาสิ้นหน้าหนาว
ฝากสายชลรินไหลน้ำใสพราว
ช่วยส่งข่าวถึงใครให้ฉันที
บอกว่าที่ใต้ฟ้าอาดูรนัก
ณ เพิงพักชมดาวเจ้าของที่
เขาครวญคร่ำต่อว่าหลงวาที
ไม่ให้มีวาสนามาชมเดือน
ที่ฟ้านั้นของดาววับวาวไหม
คงสดใสไร้ใดเสมอเหมือน
กับครั้งเคยดวงกมลได้ยลเยือน
และเป็นเพื่อนรู้ใจใกล้ใกล้ตัว
ขอชมจันทร์อีกคราใต้ฟ้าเดิม
ในคืนเริ่มฟ้าหม่นปนสลัว
หากแต่เงาอับแสงมาแฝงตัว
ไม่เคยกลัวกลับกล้ายืนท้าทาย
จะอยู่ข้างเคียงเดือนเหมือนหนาวสั่น
เพื่อแบ่งปันสุขต้องให้หมองหาย
แบ่งปันความอุ่นบ้างข้างข้างกาย
เชยกลิ่นอายอบอวลมวลดารา
เมื่อใต้ฟ้าก่อเกิดความมืดมน
คนสองคนห่างไกลไม่เห็นหน้า
แต่กับคนเคยใกล้ได้กลับมา
อยากถามว่าคือเธอหรือภาพลวง...
รการตติ
ช่วงเวลาผ่านไป ไม่แม่นมั่น
ดั่งดวงจันทร์ ลาหายไม่แหนหวง
หมื่นพันดาวหรือเท่า จันทร์หนึ่งดวง
ประดับสรวง ห้วงฟ้า นภาลัย
เคยมองเดือน เคียงกัน สัมพันธ์คู่
มีเราอยู่ เรียงร้อย ถ้อยสดใส
หยดน้ำค้าง พร่างพรม ลมพลิ้วไกว
พี่ประคอง น้องแนบไว้ ในฤดี
โอ้จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ข้าเหงาหนัก
คนเคยรัก สิ้นใย มาหน่ายหนี
ครามองจันทร์ บนฟ้า ห้วงราตรี
ช้ำชีวี ยิ่งนัก เมื่อรักเลือน
ฟ้ายังคงมีเดือน ลอยเคลื่อนคล้อย
อีกดาวน้อย สุกใส หาใดเหมือน
แต่ผืนภพ มีหนึ่งใจ ไร้ใครเยือน
เป็นดั่งเดือน ข้างแรม ....ไม่แจ่มนวล
“สุนันยา”
ดั่งดวงจันทร์ ลาหายไม่แหนหวง
หมื่นพันดาวหรือเท่า จันทร์หนึ่งดวง
ประดับสรวง ห้วงฟ้า นภาลัย
เคยมองเดือน เคียงกัน สัมพันธ์คู่
มีเราอยู่ เรียงร้อย ถ้อยสดใส
หยดน้ำค้าง พร่างพรม ลมพลิ้วไกว
พี่ประคอง น้องแนบไว้ ในฤดี
โอ้จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ข้าเหงาหนัก
คนเคยรัก สิ้นใย มาหน่ายหนี
ครามองจันทร์ บนฟ้า ห้วงราตรี
ช้ำชีวี ยิ่งนัก เมื่อรักเลือน
ฟ้ายังคงมีเดือน ลอยเคลื่อนคล้อย
อีกดาวน้อย สุกใส หาใดเหมือน
แต่ผืนภพ มีหนึ่งใจ ไร้ใครเยือน
เป็นดั่งเดือน ข้างแรม ....ไม่แจ่มนวล
“สุนันยา”