มหาสงครามไตรทิพย์
ย้อนขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นเวหา
ถึงเทวาพราหมณ์หนุ่มซุ่มแก้ไข
จักคลายกลสงครามหวังห้ามภัย
ดูจักไร้หนทางเหมือนอย่างเคย
คิดในใจองค์เทพให้เราเฝ้า
ทิศประจิมเมืองเก่าโอ้เราเอ๋ย
หากละทิ้งปุระหรือละเลย
คงต้องเกยเศียรไว้บนไม้ยาว
จึงประดิษฐ์อุบายหวังกายรอด
กลชั้นยอดปลอดภัยตนหายหนาว
ดูตำราอ้างบ่วงกลดวงดาว
เสนอท้าวเทพอมรสีห์ราชเรือง
ขอเดชะองค์เทพผู้สูงส่ง
ด้วยพระองค์เก่งกาจทั้งปราดเปรื่อง
ข้าพเจ้านอนคิดอยู่เนืองเนือง
จึงผูกเรื่องเบื้องหน้าว่ามีชัย
จากตำราดาวฤกษ์เมื่อเบิกฟ้า
เมื่อองค์เทพกล่าวท้าศัตรูไหน
จักมิต้องอันตรายร้ายใดใด
จงเชื่อใจตนเองอย่าเกรงกลัว
ทรงรอดาวยามใกล้สุริยะ
ถ้าทรงปะอาเพศฟ้าสลัว
แต่ถ้าทรงมีชัยฟ้าไร้มัว
จงแต่งตัวเยี่ยงแม่ทัพรับศัตรู
ครั้นถึงครามหาทัพสรรพยักษา
ณ เบื้องหน้านครธรรม์ลั่นกลองขู่
ทหารเทพพร้อมพรักก็พรั่งพรู
เตรียมจักสู้กู้พักตร์จากยักษ์เลว
องค์ท้าวเทพอมรสีห์ฯออกกล่าวท้า
เรียกกำแขยักษามาจากเหว
ชี้นิ้วด่ายืดอกเท้าสะเอว
ให้ดูเปลวไฟรุกอย่างชุกโชน
"อุเหม่เจ้ายักษ์โสโครกสกปรก
ร่างซกมกเหม็นเน่าแต่งคล้ายโขน
เขี้ยวเหนอะหนะหมองศรีมีแต่โคลน
จักให้ข้าอ่อนโยนหรือรบกัน"
"โถองค์ท้าวเทพอมรฯไท้มีชื่อ
ดูกระเหี้ยนกระหือรือจะห้ำหั่น
ข้ากำแข,ตันนุกจักปลุกควัน
พร้อมฟาดฟันบั่นเศียรสั่งสอนซ้ำ"
องค์ท้าวเทพถือกริชหวังปลิดชีพ
กำแขหนีบป้องปัดซัดถลำ
ได้จังหวะตระเตรียมพระแสงคลำ
ก็ฟันย้ำพระพักตร์จักปลิดองค์
แต่ทรงหลบได้ทันประหวั่นเนื้อ
หวังฆ่าเสือยักษ์ห่ามตามประสงค์
จึงพลาดท่ากระนั้นมิมั่นคง
กำแขส่งวิญญาณสู่ชาญนคร
เทพทหารชาญศึกเกิดนึกหวั่น
ทั้งหมดพลันหลบหนียักษีก่อน
เวลานั้นยังมิได้จักราญรอน
ก็พ่ายแพ้ซ้ำซ้อนต้องจรไกล
มิทันหนียักษ์หาญสังหารหมด
น่าสลดหมดหวังเทพตักษัย
เหลือพราหมณ์หนุ่มผู้เดียวเกือบเอี่ยวไฟ
รอดมาได้ในที่สุดยุทธวิธี
เพราะพราหมณ์นั้นคือยักษ์มิศักดิ์สูง
เปรียบนกยูงแปลงเป็นกาหมดราศี
เพื่อหวังได้ครองสรวงปวงธานี
ชื่นชีวีตันนุกก็สุขใจ
สั่งกำแขอ้างว่าเป็นกษัตริย์
แล้วเตรียมจัดทัพยักษ์อย่าสงสัย
ข้าขึ้นฟ้ายุแหย่แพร่บรรลัย
หวังเทพไหม้สูญยับดับวิญญาณ์
เมื่อทำตามแผนข้าในกระดาษ
จักสามารถยึดสรวงห้วงหรรษา
ถึงวันที่เราได้ชัยกลับมา
จักเปลี่ยนหน้าประวัติหาวเท่านิรันดร์
ว่ามิมีเทพใดในพิภพ
ผู้สยบคือยักษ์เจ้าสวรรค์
เป็นผู้ครองเมืองสวยด้วยชั่วกัลป์
คนจักฝันถึงข้าถ้าขอพร
ย้อนขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นเวหา
ถึงเทวาพราหมณ์หนุ่มซุ่มแก้ไข
จักคลายกลสงครามหวังห้ามภัย
ดูจักไร้หนทางเหมือนอย่างเคย
คิดในใจองค์เทพให้เราเฝ้า
ทิศประจิมเมืองเก่าโอ้เราเอ๋ย
หากละทิ้งปุระหรือละเลย
คงต้องเกยเศียรไว้บนไม้ยาว
จึงประดิษฐ์อุบายหวังกายรอด
กลชั้นยอดปลอดภัยตนหายหนาว
ดูตำราอ้างบ่วงกลดวงดาว
เสนอท้าวเทพอมรสีห์ราชเรือง
ขอเดชะองค์เทพผู้สูงส่ง
ด้วยพระองค์เก่งกาจทั้งปราดเปรื่อง
ข้าพเจ้านอนคิดอยู่เนืองเนือง
จึงผูกเรื่องเบื้องหน้าว่ามีชัย
จากตำราดาวฤกษ์เมื่อเบิกฟ้า
เมื่อองค์เทพกล่าวท้าศัตรูไหน
จักมิต้องอันตรายร้ายใดใด
จงเชื่อใจตนเองอย่าเกรงกลัว
ทรงรอดาวยามใกล้สุริยะ
ถ้าทรงปะอาเพศฟ้าสลัว
แต่ถ้าทรงมีชัยฟ้าไร้มัว
จงแต่งตัวเยี่ยงแม่ทัพรับศัตรู
ครั้นถึงครามหาทัพสรรพยักษา
ณ เบื้องหน้านครธรรม์ลั่นกลองขู่
ทหารเทพพร้อมพรักก็พรั่งพรู
เตรียมจักสู้กู้พักตร์จากยักษ์เลว
องค์ท้าวเทพอมรสีห์ฯออกกล่าวท้า
เรียกกำแขยักษามาจากเหว
ชี้นิ้วด่ายืดอกเท้าสะเอว
ให้ดูเปลวไฟรุกอย่างชุกโชน
"อุเหม่เจ้ายักษ์โสโครกสกปรก
ร่างซกมกเหม็นเน่าแต่งคล้ายโขน
เขี้ยวเหนอะหนะหมองศรีมีแต่โคลน
จักให้ข้าอ่อนโยนหรือรบกัน"
"โถองค์ท้าวเทพอมรฯไท้มีชื่อ
ดูกระเหี้ยนกระหือรือจะห้ำหั่น
ข้ากำแข,ตันนุกจักปลุกควัน
พร้อมฟาดฟันบั่นเศียรสั่งสอนซ้ำ"
องค์ท้าวเทพถือกริชหวังปลิดชีพ
กำแขหนีบป้องปัดซัดถลำ
ได้จังหวะตระเตรียมพระแสงคลำ
ก็ฟันย้ำพระพักตร์จักปลิดองค์
แต่ทรงหลบได้ทันประหวั่นเนื้อ
หวังฆ่าเสือยักษ์ห่ามตามประสงค์
จึงพลาดท่ากระนั้นมิมั่นคง
กำแขส่งวิญญาณสู่ชาญนคร
เทพทหารชาญศึกเกิดนึกหวั่น
ทั้งหมดพลันหลบหนียักษีก่อน
เวลานั้นยังมิได้จักราญรอน
ก็พ่ายแพ้ซ้ำซ้อนต้องจรไกล
มิทันหนียักษ์หาญสังหารหมด
น่าสลดหมดหวังเทพตักษัย
เหลือพราหมณ์หนุ่มผู้เดียวเกือบเอี่ยวไฟ
รอดมาได้ในที่สุดยุทธวิธี
เพราะพราหมณ์นั้นคือยักษ์มิศักดิ์สูง
เปรียบนกยูงแปลงเป็นกาหมดราศี
เพื่อหวังได้ครองสรวงปวงธานี
ชื่นชีวีตันนุกก็สุขใจ
สั่งกำแขอ้างว่าเป็นกษัตริย์
แล้วเตรียมจัดทัพยักษ์อย่าสงสัย
ข้าขึ้นฟ้ายุแหย่แพร่บรรลัย
หวังเทพไหม้สูญยับดับวิญญาณ์
เมื่อทำตามแผนข้าในกระดาษ
จักสามารถยึดสรวงห้วงหรรษา
ถึงวันที่เราได้ชัยกลับมา
จักเปลี่ยนหน้าประวัติหาวเท่านิรันดร์
ว่ามิมีเทพใดในพิภพ
ผู้สยบคือยักษ์เจ้าสวรรค์
เป็นผู้ครองเมืองสวยด้วยชั่วกัลป์
คนจักฝันถึงข้าถ้าขอพร
...อวสาน...
บัณฑิตเมืองสิงห์