เหลืองเหี่ยวแห้ง แกว่งไกว ใบร่วงหล่น
เกลื่อนกลาดโคน ดินกลบ ซ้อนทับถม
บ้างละลิ่ว ปลิวหาย พร้อมสายลม
บ้างจ่อมจม แดนดอย ลอยน้ำไกล
พอรับฝน ปนหนาว พราวสะพรั่ง
ผลิใบบัง ชูช่อ กอไสว
เริ่มแตกดอก ออกผล คนปลิดไป
กลางพงไพร นกกา มาจิกกิน
พืชสัตว์คน วนเวียน เปลี่ยนเช่นนี้
นานนับปี เรื่อยไป ไม่รู้สิ้น
พอทรุดโทรม ล้มตาย กลายเป็นดิน
เหลือแต่จินต์ เวิ้งว้าง ร่างไร้เงา
รพีกาญจน์ 59
เกลื่อนกลาดโคน ดินกลบ ซ้อนทับถม
บ้างละลิ่ว ปลิวหาย พร้อมสายลม
บ้างจ่อมจม แดนดอย ลอยน้ำไกล
พอรับฝน ปนหนาว พราวสะพรั่ง
ผลิใบบัง ชูช่อ กอไสว
เริ่มแตกดอก ออกผล คนปลิดไป
กลางพงไพร นกกา มาจิกกิน
พืชสัตว์คน วนเวียน เปลี่ยนเช่นนี้
นานนับปี เรื่อยไป ไม่รู้สิ้น
พอทรุดโทรม ล้มตาย กลายเป็นดิน
เหลือแต่จินต์ เวิ้งว้าง ร่างไร้เงา
รพีกาญจน์ 59
ละลิ่วลอยล่วงหล่นบนผืนหล้า
ภาพอำลากิ่งไกวเมื่อใบเฉา
แผ่วสายลมปลิดลงตรงรอยเพรา
สู่ว่างเปล่าเก่าก่อนย้อนวังวน
ธรรมชาติวาดวางสรรพสิ่ง
ให้พึ่งพิงพบพรากวิบากผล
หาจีรังยั่งยืนฝืนทานทน
เพียงปะปนบนสายปลายทางกรรม
ไม่รู้ใจ
ภาพอำลากิ่งไกวเมื่อใบเฉา
แผ่วสายลมปลิดลงตรงรอยเพรา
สู่ว่างเปล่าเก่าก่อนย้อนวังวน
ธรรมชาติวาดวางสรรพสิ่ง
ให้พึ่งพิงพบพรากวิบากผล
หาจีรังยั่งยืนฝืนทานทน
เพียงปะปนบนสายปลายทางกรรม
ไม่รู้ใจ