๐ หนุนแขนแนบแอบร่างหว่างเปลอุ่น
มองเมฆหมุนลอยคว้างอยู่กลางสูรย์
ความคิดถึงเล็ดลอดยอดดอกคูณ
ทะลุปูนกำแพงแห่งแสง’วัน
๐ ฝากไปพร้อมน้ำตาผู้อาภัพ
ที่ยอมรับอย่างชายผู้พ่ายขวัญ
เก็บความปวดรวดร้าวราวต้องทัณฑ์
ยอมจาบัลย์ผู้เดียว..ใต้เรียวลม
๐ ขากระหวัดเปลแกว่งด้วยแรงต้าน
แต่ทรวงมานกลับแกว่งด้วยแรงขม
กระดังงางามหอมมาล้อมพรม
เหมือนช่วยถมดับทุกข์ทุกท่ามที
๐ พอบรรเทาเบาบางร่างช้ำช้ำ
ให้ระกำรำเพยระเหยหนี
ทั้งยี่สุ่นมณฑาจำปาจำปี
ช่วยพัดวีโยกเปล..เห่กล่อมทรวง
๐ ให้หายจากซากช้ำที่ทำเจ็บ
ลบรอยเล็บเลือนลับอย่ากลับหวง
ลืมความหลังครั้งหม่นจากคนลวง
ทิ้งลงถ่วงธาราสุดบาดาล
๐ แล้วซึมซับรับรสบทชีวิต
ด้วยความคิดบรรจงปลงไขขาน
พรุ่งนี้ยังคงก้าวอีกยาวนาน
เฉกกระดังงาบาน..อีกกาลไกล..