เสียงสิงคาล
ชิต บุรทัต
(อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)
๏ ดำเนินนิทานพรร ณนะฉันทะดำเนิน
โดยนัยประหนึ่งเชิญ กวิชาติวิจารณ์ฉันท์
๏ สังเขปสรุปข้อ นยะย่อและพอยัน
เย้าให้หทัยหัน คติแห่งมิถูกเหิน
๏ หวนหาวิถีธรรม และมิพลำเพราะจำเริญ
รอยปราชญ์ฉลาดเดิน ดุจะธีระมีหวัง
๏ วุฒิ์ว่องสนองสม กะนิยมนิยายยัง
กล่าวด้วยฤดีฝัง พจิฝาก บ เฟือนเฝือ
๏ ผิดบ้างผิพลั้งหน่อย ผลน้อยก็เนื่องเจือ
จริงเจตน์ณเหตุเหลือ จะแถลงเฉลยความ
๏ หากเพลงมิแกล้งพลาด ก็ บ ขาดประคองนาม
"ศรีกรุง" พยุงพยายาม ปฏิสนธิสืบเสริม ฯ
(ฉบัง ๑๖)
๏ เรื่องนี้มีนัยมาเดิม อินเดียราชย์เฉลิม
พระนามไฉนไม่แถลง
๏ สอบสมนิยมอย่างแฝง พระนามตามแสดง
ที่เล่าคือเค้าคำเฉลย
๏ ธโง่งมโมหะเปรย ปรารมภ์ชมเชย
แต่เรื่องล้วนเหลวเลวเขลา
๏ ตีขลุมพลุ่มพล่ามยามเอา โทษผิดสะกิดเกา
มิรู้ดำริพิจารณ์
๏ เหตุเป็นเช่นนี้เนื่องนาน เนื่องถึงซึ่งกาล
จะเกิดอุบาทว์บัดดล
๏ ท้าวกลุ้มโกรธรุมรึงกมล คืนค่ำคำรน
ตระหนักสำเนียงเสียงหอน
๏ ราชฐานปานทิพย์อมร แมนสถิตถึงตอน
ราตรีฉะนี้น่าเสบย
๏ แต่ไรกาลไหนไม่เคย จู่จู่อยู่เฉย
ชิพวกอ้ายหมามารุม
๏ ราชวังพรั่งชนชุมนุม นระทั่วมั่วสุม
สะพรั่งและพร้อมล้อมวัง
๏ เพียงสุนัขจักไล่ไม่ฟัง เหลือพละประทัง
และฤๅอมาตย์อาจหาญ
๏ อำมาตย์สนองราชโองการ แด่พระนฤบาล
ณ นามสรณะคมนีย์
๏ ขอเดชบารเมศภูมี มากรวมสรวมศี
ระทวยทุคคตะเต็มเข็ญ
๏ คือพรรคสุนัขพันธุ์นั้นเป็น สัตว์ต่ำบำเพ็ญ
พิธีคะนองของมัน
๏ ที่แท้แพร่ทราบศัพท์สรรพ์ ครวญคร่ำรำพัน
และหวนเพราะโหยโดยหนาว
๏ จึ่งราช ธ ประภาษในราว เรื่องคดีมี่ฉาว
ฉะนี้ไฉนใคร่ฟัง
๏ หมาเห่าเหล่านั้นมันหวัง เหตุใดให้ดัง
ฤดีด้วยมีปรารถนา
๏ เจ้ารู้อยู่จงบ่งมา บอกหมายมาดหา
เห็นได้ก็ได้ดุจประสงค์
๏ อำมาตย์แจ้งราชจำนง ทูลพนอขอจง
ทราบใต้ฝ่าเบื้องบทธุลี
๏ แท้จริงสิงคาลมานสรี- ระหนาวร้าวนี-
ระสุขสยองเย็นครัน
๏ ใคร่สบความอบอุ่นอัน มีแห่งเหมันต์
ฤดูระดมลมหนาว
๏ ผ้าเสื้อเพื่อใช้ในคราว น้ำค้างพร่างพราว
จะห่อจะหุ้มคลุมกาย
๏ เทวะ! พระอย่าดูดาย มิฉะนั้นมันตาย
จะต้องบาปข้องบทมาลย์
(อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)
๏ ทราบโดยสดับเส วกะเจตนาการ
ทูลแสร้งแถลงสาร ปริยายขยายสม
๏ จอมภูมิผู้โง่ พหุโมหะงงงม
แต่ราชะปรารมภ์ มุทิตาและการุณ
๏ ทรงโปรดประสิทธิ์พาท อนุญาตเพราะเจตน์จุน
จำนงประสงค์สุน- ทรสุขณสิงคาล
๏ ตรัสสั่งกะเสวก ธุระตกพนักงาน
โดยฉันทะบรรหาร ดุจะเผือประภาษไข
๏ เบิกทอง ณ ท้องคลัง เถอะจะรั้งจะรอไย
เร็วเรียกสิรีบไป ณตลาดตลอดหา
๏ ซื้อสรรพะภัณฑ์พัต- ถะและวัตถุนานา
ส่วนนวมสนอบอา- ทระสร้างกุฎีเสริม
๏ เพื่อสานติภาพคราว อุตุหนาวสุนัขเดิม
เย็นเยือกเพราะเหตุเหิม หิมะนั้นจะพลันหาย ฯ
(มาณวกฉันท์ ๘)
๏ ชอบหฤทัย ใครบมิปาน
สมมนะมาน มุ่ง ณอุบาย
ดำริและหวัง ดั่งปริยาย
เสวกะหมาย เจตนะหมุน
๏ เบิกธนทรัพย์ นับคณะถ้วน
กาญจนะล้วน ทองนพคุณ
ค้าผลโดย โปรยปริภุญช์
เพื่อเฉพาะขุน อาตมะเอง
๏ อีกก็เฉลี่ย เกลี่ยเพราะฉลาด
แบ่งกะอมาตย์ เล่นกลเพลง
อวยสหมิตร ปิดมุขะเกรง
กร้าวภยะเยง ย่อมจะมิเผย ฯ
(วสันตดิลกฉันท์ ๑๔)
๏ ล่วงกาละมามิจิระนับ สรศัพท์สุนัขเคย
เห่าหอนกระฉ่อนก็บมิเฉย และกระโชกกระชั้นฉาว
๏ บางรัตติมัชฌิมะก็หวน ระยะคราวญ ณ ค่ำคราว
พึงเยือกระย่อหทยะราว ทะลุโสตสยองเย็น
๏ จึ่งไท้ผทมกษณะหลับ ธสดับสะดุ้งเป็น-
เหตุตื่นพระฟื้นนยะประเด็น คติดั่งอดีตความ
๏ พรุกรุ่งพระเรียกมุขะอมัจจ์ พจนัตถะตรัสถาม
เยียใดสุนัขนิยมนะนาม ทุรสัตว์ติรัจฉาน
๏ ชุมร้องและซร้องสรสดับ สุรศัพทะกังวาน
ทุกหน ณ มณฑิระสถาน บริเวณ บ วายมี
๏ อันประกาศิตะณเรา เฉพาะเจ้าก็แจ้งดี
คือจุ่งผดุงธุระพะลี อุปการะหมาผอง
๏ สูไป่กระทำและผิวะทำ ก็มิทำ ณ ทำนอง
ตูสั่งกระมัง, เอะก็และทอง ขณะนี้น่ะอยู่หรือ
๏ เสวก บ ตกจิตะสนอง นยะคล่องจะควรฤๅ-
ไป่ควรก็ทรงกรุณะคือ กิจะข้อวโรงการ
๏ เผือพร้อมกระทำประดุจะราช พจนาตถะบรรหาร
ทั้งผองมิผิดอุทิศะทาน ทะนุซึ่งสุนัขสรรพ์
๏ ทรงหล้า ธ ปรารภะประหลาด มนะราชประภาษพลัน
หากแน่ไฉนก็คณะมัน เอะอะเห่าจะเอาใด ฯ
(อีทิสังฉันท์ ๒๐)
๏ เอกอมาตย์ฉลาดเฉลียวกระไร
พระราชะถาม บ คร้ามหทัย และทูลความ
๏ ทรงพินิจเถอะผิดฤชอบก็ตาม
ไฉนจะคลาดพระราชคาม- ภิโรบาย
๏ ข้าพระพทธเจ้าจะขอถวาย
วสัชนากถาภิปราย พระโปรดทราบ
๏ มันแสดงก็โดยนิสัยสภาพ
กตัญญุตาณกาละลาภ ลุบรรสบ
๏ เนื่องเพราะพายุวาระพ้องกระทบ
กระทั่วจะวายสลายสลบ และเหลือทน
๏ หนาวกระสับกระส่ายกระเสือกกระสน
ก็เหล่าและหอนเพราะเหตุทุรน ทุรายครัน
๏ จึงพระองค์สิทรงกรุณากะมัน
พระราชทานอภัยและภัณ- ฑะทั้งหลาย
๏ อาทิผ้าและเสื้อก็มากก็มาย
สฤษดิ์กุฎีประกอบสบาย บ พานลม
๏ ด้วยสวามิภักดิรักบรม
กษัตริย์เสมือนมนุษย์นิยม มิหย่อนคลาย
๏ เออก็กาละนี้แหละน่าจะหมาย
แสดงสดุดิ์ประดุจจะนาย กะบ่าวทาส
๏ แม่นแหละหมายถวายชยาภิวาทน์
บมีอะไรจะไขประกาศ ก็เกริ่นเสียง
๏ สาธุการประสานกระแสเผดียง
เผดิมพระพรก็ไพเราะเพียง กะเพลงพิณ
๏ ควรมิควรละล้วนประจักษ์พระจิน-
ตนาพินิจบพิตรก็ยิน ตลอดยาม ฯ
(ภุชงคประยาตรฉันท์ ๑๒)
๏ อะโห! โอ-กระนั้นแน่ แหละจริงแท้ถนัดความ
บมีสิ่ง ณ โลกสาม อะไรสิ่งจะจริงเหมือน
๏ พระราชาธปรารม- ภะเห็นสมคดีเตือน
ประโมทย์ปีติไป่เลือน ละลายลืมเพราะปลื้มเหลือ
๏ ระลึกบุญเหตุแห่ง พระองค์แจ้งและจุนเจือ
กรุณแรงบแฝงเฝือ กระทำใฝ่จะให้เห็น
๏ สุเมตธรรมะจรรยา นุวัตรฐานะบำเพ็ญ
อภัยทานพิทักษ์เป็น นิรันดร์ป้อง ณ สัตว์ปวง
๏ ประโยชน์อ้างนิยายอัน แถลงสรรพ์เสนอดวง-
กมลผู้แสวงสรวง เสวยสานติ์สราญรมย์
๏ ผิไปถึงกระนั้นเพียง พิภภพเยี่ยงมนุษย์สม
ประสงค์สบสุโขดม ก็อาจได้และไป่สูญ
๏ แนะปัญหาสุภาษิต จะพึงคิด ณ เค้ามูล
นิทานนี้ก็เปรียบปูน ประหนึ่งเพชร ณ หินแล
-(ตรองเทอญ) - ฯ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
23 ธันวาคม 2024, 04:11:AM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: ด้วยจิตคารวะ (อ่าน 162065 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: