(เจ้าน้ำตา)
ไม่ได้อยาก เจ้าน้ำตา ดังว่าดอก
แค่อยากบอก เรื่องผ่านพาหวั่นไหว
สุดร้าวรอน อ่อนล้า เสียกระไร
ดั่งมีไฟ สุมทรวง เป็นบ่วงกรรม
นั่งเขียนกลอนอ้อนคำ ตามใจคิด
ด้วยน้อยนิด ความรู้ อยู่ชั้นต่ำ
ทั้งมัวหม่น หมองหมาง อย่างระกำ
ร้อยลำนำ คำรัก ฝากก็มี
ปัญหากลุ้ม รุมเร้า เข้ามาก่อ
บางคราวท้อ อยากหาย ไกลหลบหนี
ด้วยคำคน หยามหยัน ผ่านวลี
เป็นไมตรี แฝงพิษ ติดเล่ห์กล
เบื้องหลังถ้อย พจน์ศิลป์ กวินหวาน
ซ่อนดวงมาน มากมี ที่สับสน
เขียนกลอนเศร้า กล่าวหา ว่าเรียกคน-
สนในตน ให้ท่า ลีลากลอน
ต่อกลอนรัก ถักทอ กลายก่อผล
ให้ฉงน ดวงจิต ดั่งคิดหลอน
จินตนา จากฝัน อันสุนทร
กลายเร้าร้อน อ้อนฝาก อักขรา
ประหนึ่งว่า เป็นเรื่อง เคืองเสียหาย
ถ้อยคำกลาย หมองหม่น ให้ก่นว่า
เป็นเรื่องลือ สื่อสาร กันต่อมา
พัฒนา ประณาม ทรามที่คน
ฉันเริ่มท้อ คำคน บ่นนั่นหนา
จินตนา ถูกทำลาย ไร้เหตุผล
เจ้าน้ำตา ก็หลั่งไหล ดั่งสายชล
หรือสิ้นมนตร์อักษร แล้วตอนนี้
คนเขียนกลอน อ่อนไหว เพราะใจรัก
ถูกทำร้าย มากนัก ยากหลบลี้
หวังเที่ยวท่อง มองหา ห้องกวี
เพื่อฤดี พิงพัก รักษาทรวง
หนีความร้อน ซ่อนใจ ที่ไหวอ่อน
ให้บทกลอน กล่อมขวัญ ปานอยู่สรวง
กลับถูกมอง ค่าไร้ ในผลพวง
อยู่ในบ่วง ฤดี ที่ตรอมตรม
คงมีแต่ น้ำตา ที่บ่าไหล
เต็มห้องใจ เหนื่อยล้าเข้าถาถม
ผลงานศิลป์ สิ้นหาย กลายระทม
ห้วงอารมณ์ พลิกผัน ฝันเลื่อนลอย
จะตามฝัน ที่ไหน ให้บรรจบ
คงต้องหลบ ซบหมอน นอนเหงาหงอย
ปล่อยน้ำตา หลั่งนอง เป็นร่องรอย
เพื่อรอคอย ฝันให้ ได้ย้อนคืน.....
“สุนันยา”