ขอบคุณภาพจาก Fanpop ครับ
ใครหนอเขียนอักษราที่ฟากฟ้า
ด้วยปากกาดาวเชื่อมอันเลื่อมใส
ถอดรหัสจากจันทร์ได้ทันใด
ก็ปลื้มใจแทบคลั่งนั่งดูดาว
เอานิ้วแตะธรณีเป็นคีย์บอร์ด
เหมือนได้กอดไออุ่นกรุ่นคลายหนาว
แสงกระพริบกระซิบเสียงสำเนียงดาว
ก็ถึงคราวพลบค่ำเพื่อนำทาง
คืนนี้เมฆมาบังตั้งค่อนฟ้า
คล้ายจอพร่ามืดไปไม่กระจ่าง
ท้องฟ้าปิดทับดาวเงาเวิ้งว้าง
ใยแก้วค้างแทบดับอย่างฉับพลัน
เอาสายใจแทนใยเชื่อมในเน็ต
ต่อสะเก็ดสะกิดดาวว่าหนาวสั่น
สายใยแก้วนำแสงแข่งกับจันทร์
เหมือนใจฉันถูกพร่าไม่ปราณี
คืนนี้นั่งมองฟ้าจนล้าเหนื่อย
เมฆเฉื่อยเฉื่อยไกลลิบบังริบหรี่
มองไม่เห็นแสงดาวเลยคราวนี้
จะให้คีย์สื่อความถามอย่างไร
ใครหนอเขียนอักษราที่ฟากฟ้า
นั่งหลับตานึกหวั่นฝันไปไหม
ถอดรหัสจากจันทร์พลันเปลี่ยนไป
ก็คงใช่คืนนั้นฝันเอาเอง....
รการตติ
ขอบคุณกัลยณมิตรผู้คอยแนะนำวิธีการเขียนกลอนเสมอมาครับ
ระบายความ ตามจินต์ รินคำรัก
ให้ประจักษ์ ความนัย ใช่ข่มเหง
ฝากฟากฟ้า เพ้อพร่ำ ลำนำเพลง
ด้วยหวั่นเกรง รักหลบไม่พบพา
ระบายบอก ออกมา คำว่ารัก
ที่สลัก ทรวงล้น ยากค้นหา
อยู่แห่งไหน ให้ถึง ซึ่งอักขรา
แม้พบครา หลับฝัน พลันชื่นจินต์
ระบายคำ นำกล่าว ดุจเย้าหยอก
มีได้หลอก หลอนลง คงถวิล
ลำนำเผย เอ่ยย้ำ ช้ำชีวิน
รักโบยบิน ห่างหาย จนไกลเกิน
ระบายบ้าง ทางพจน์ รสอักษร
ร่ายเป็นกลอน อ้อนฟ้า คราขัดเขิน
กระซิบจันทร์ ดารา พาเผชิญ
ว่าอย่าเมิน จนต้อง กลายหมองมัว
"สุนันยา"