ช่วงเวลา ผ่านกาล ก็นานแล้ว
มิสิ้นแวว รักเลือน เตือนห่วงหวง
คำนึงหาอาลัย ไร้กลลวง
อยู่ในห้วงตราตรึง รำพึงพา
รัตติกาลเคลื่อนคล้อย ลมลอยแผ่ว
สำเนียงแจ้ว เจื้อยอยู่ หมู่ปักษา
ทิวไผ่เอน โอนไหว ที่ปลายนา
ใจเหว่ว้า อาดูร ครุ่นคำนึง
เธอจะรู้ ไหมหนอ ใครอรอยู่
เฝ้าแต่ดู ดารา คราคิดถึง
ส่งดวงใจ ผ่านฟ้า มาคลอคลึง
ด้วยรักซึ้ง เพียงเธอ เสมอมา......
“สุนันยา”
มิสิ้นแวว รักเลือน เตือนห่วงหวง
คำนึงหาอาลัย ไร้กลลวง
อยู่ในห้วงตราตรึง รำพึงพา
รัตติกาลเคลื่อนคล้อย ลมลอยแผ่ว
สำเนียงแจ้ว เจื้อยอยู่ หมู่ปักษา
ทิวไผ่เอน โอนไหว ที่ปลายนา
ใจเหว่ว้า อาดูร ครุ่นคำนึง
เธอจะรู้ ไหมหนอ ใครอรอยู่
เฝ้าแต่ดู ดารา คราคิดถึง
ส่งดวงใจ ผ่านฟ้า มาคลอคลึง
ด้วยรักซึ้ง เพียงเธอ เสมอมา......
“สุนันยา”
ทิวไผ่โอน เอนไหว คราไร้คู่
ยอดพธู อาลัย ใจเพ้อหา
คนึงหวน ชวนคิด แนบนิทรา
ยามจากลา นิจจา ล้าแรงโรย
รัตติกาล คืนนี้ ไม่มีเขา
ช่างเงียบเหงา ยิ่งนัก รักเจ้าโหวย
จะร้องเรียก อย่างไร ไม่โอดโอย
แม้ลมโชย โบยโบก วิโยคทรวง
ฝากวอนลม บอกไป เขาได้รู้
ว่ายังรอ เขาอยู่ อย่างห่วงห่วง
ยามพระพาย พัดมา พาแดดวง
เหมือนหนึ่งทวง สัญญา ว่ารักจริง
พันทอง