สองสาวสองสำนึก

ลูกเศรษฐี

         ธิดาหนึ่ง ขึ้งโกรธ โทษพ่อ,แม่
พร่ำวอแว ประชด ว่าอดสู
ขอรถเบ้นซ์ สีทอง สองประตู
ดูดู๋ดู ให้ฮอนด้า น่าน้อยใจ

         ขอแหวนเพชร สามกะรัต ทำผลัดผ่อน
ต้องแง่งอน ปั้นปึ่ง ถึงจะได้
เที่ยวยุโรป ปีละหน ก็บ่นไกล
เงินเดือนให้ ไม่กี่หมื่น ขมขื่นจริง

         แค่ดื่มเหล้า จิบไวน์ ในหมู่เพื่อน
ต้องตักเตือน บงการ รำคาญยิ่ง
เมื่อไรจะ เลิกตำหนิ หยุดติติง
หนูมันหญิง ยุคใหม่ ใช่โบราณ

ลูกคนจน

   กลางสลัม สาวน้อย ด้อยโอกาส
กระวีกระวาด ว่องไว ไร้โวหาร
เช้าร่ำเรียน ศึกษา วิชาการ
เย็นทำงาน ตรากตรำ ทุกค่ำคืน

         รู้เจียมตัว เจียมใจ ในทุกข์ร้อน
ช่วยบิดร มารดา มิฝ่าฝืน
     ทนอาบเหงื่อ ต่างน้ำ ยอมกล้ำกลืน
หวังพลิกฟื้น ยืนหยัด วัฒนา

         พยายาม ก่อร่าง สร้างฐานะ
วิริยะ บากบั่น สู้ปัญหา
   มัธยัสถ์ อดออม รอมเงินตรา
ด้วยปัญญา ขันติ ปณิธาน

หลายปีผ่านไป

      สองสาวคง แตกต่างกัน ถึงวันนี้
ลูกเศรษฐี มีแต่ข่าว คราวร้าวฉาน
ได้สามี อีลุ่ยฉุยแฉก ผลาญแหลกลาญ
ถูกประจาน ยิ้มหัว ทั่วบ้านเมือง

         ส่วนอีกสาว พากเพียร เรียนจบหมอ
คนเยินยอ นับถือ เกียรติลือเลื่อง
   พาชีวิต สู่ฝัน อันรุ่งเรือง
พ้นฝืดเคือง เพราะใจ ใฝ่รักดี

         ยกเป็นอุ-ทาหรณ์ สอนชีวาตม์
แก่ผู้ขาด จรรยา ลืมหน้าที่
     อย่านิ่งเฉย เฉื่อยชา แม้นาที
จนหรือมี จงไขว่คว้า เดินหน้าไป

สุนทรวิทย์