สัจจะวัสดุ
ถ้าคุณชอบผิวมันนั้นคือแก้ว
หากแตกแล้วหลอมกี่ครั้งก็ยังใส
ถ้าชอบทึบรอยริ้วต้องผิวไม้
มิใช่ใช้เป็นฟืนฟอนตะกอนดิน
ผิวหยาบหยาบบางทีก็มีค่า
ถ้าเอามาประดิษฐ์เช่นอิฐหิน
ก้อนกรวดยังมีค่าเป็นอาจิณ
อย่าให้บิ่นใต้คงคาชลาลัย
สัมผัสนุ่มพื้นพรมแต่อมฝุ่น
เนียนละมุนเรือด ราได้อาศัย
งามแต่เพาะเหลือบถวิลและริ้นไร
ซ่อนตัวไว้ยั่งยืนใต้ผืนพรม
แพรผ้าไหมงามสง่าสูงค่านัก
ต้องรู้จักประจบประคบประหงม
ผิวยับง่ายคุ้นเคยยามเชยชม
ต้องผสมดิ้นทองผุดผ่องพิมพ์
ผิวเหล็กกล้าหนาบางแตกต่างนั้น
ยังมีวันป่นปี้ขี้สนิม
เจอไอเค็มกัดกร่อนก็อ่อนนิ่ม
ใช้แทงทิ่มเป็นศัสตราก็พาพ่าย
งามดั่งผิวทองแท้มิแปรผัน
กนกนั้นมิเคยเหลื่อมเสื่อมสลาย
แม้ยามต้องจำยอมหลอมละลาย
ก็กลับกลายจรัสแสงเป็นแท่งทอง !
รการตติ
ขอชมจากใจเลยว่า กลอนนี้ยอดมากๆ ลักษณะลีลาน้ำเสียง เหมือนกับกลอนเก่าๆที่เคยได้ยินมาก่อนเลย
อาทิเช่น
หากหัวใจ ใสบาง เหมือนอย่างแก้ว
คงแตกแล้ว ด้วยฤทธิ์ ความคิดถึง
หรืออย่าง
อันนินทา กาเล เหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำ เหมือนเอามีด ไปกรีดหิน
หรือ
เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย
ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกาฯ
(นิราศภูเขาทอง)
นานๆทีถึงจะได้เห็นการแต่งกลอนที่มีสำนวนแบบนี้ สุดยอดมากๆ