หญิงสามผัวชายสามโบส์ถเขาโจษกล่าว
แต่เรื่องราวของเราเศร้าเหลือหลาย
แต่งงานมาสามครั้งพังทลาย
น้ำตาชายร่วงหล่นบนหัวใจ
ครั้งที่หนึ่งซึ้งมากไม่อยากเล่า
เพราะว่าเรามองตากันจนวันใหม่
รักครั้งแรกแปลกนักเมื่อรักใคร
สุดท้ายไปจนลับไม่กลับมา
ครั้งที่สองครองคู่ดูเหมาะสม
เราชื่นชมกันและกันที่ฝันหา
ทัศนคติไม่ตรงกันพลันเลิกรา
สองปีกว่าหาใหม่ตัวใครตัวมัน
ครั้งที่สามตามติดชีวิตคู่
คราวนี้อยู่หกเดือนเหมือนสวรรค์
หกเดือนหลังฝังกลบเป็นจบกัน
ชีวิตฉันเหมือนถูกสาปคงบาปกรรม
ขอไถ่ถามท่านนักกลอนสอนฉันหน่อย
ควรจะปล่อยให้เป็นโสดโกรธงามขำ
หรือแต่งงานครั้งที่สี่...ดีจะทำ
ผมขอคำปรึกษามีค่าครู
แต่เรื่องราวของเราเศร้าเหลือหลาย
แต่งงานมาสามครั้งพังทลาย
น้ำตาชายร่วงหล่นบนหัวใจ
ครั้งที่หนึ่งซึ้งมากไม่อยากเล่า
เพราะว่าเรามองตากันจนวันใหม่
รักครั้งแรกแปลกนักเมื่อรักใคร
สุดท้ายไปจนลับไม่กลับมา
ครั้งที่สองครองคู่ดูเหมาะสม
เราชื่นชมกันและกันที่ฝันหา
ทัศนคติไม่ตรงกันพลันเลิกรา
สองปีกว่าหาใหม่ตัวใครตัวมัน
ครั้งที่สามตามติดชีวิตคู่
คราวนี้อยู่หกเดือนเหมือนสวรรค์
หกเดือนหลังฝังกลบเป็นจบกัน
ชีวิตฉันเหมือนถูกสาปคงบาปกรรม
ขอไถ่ถามท่านนักกลอนสอนฉันหน่อย
ควรจะปล่อยให้เป็นโสดโกรธงามขำ
หรือแต่งงานครั้งที่สี่...ดีจะทำ
ผมขอคำปรึกษามีค่าครู
...เรื่องจริงผ่านจอเลยนะเนี่ย...
อ่านกลอนยัง ไม่อิ่ม ยิ้มแห้งแห้ง
ไม่อยากแย่ง พี่มิวสิค....กลัวหยิกหนู
แอบรักพี่ Karnkai ใคร่มาดู
ที่ว่าคู่ ทิ้งจาก หากเป็นจริง
เรื่องผ่านมา ผ่านไป น้องไม่ว่า
ขอเพียงอย่า นอกใจ ไปสุงสิง
สาวบ้านกลอน หวานนัก หนักใจจริง
กลัวพี่ทิ้ง หาใหม่...ใจโลเล
มี สอง,สาม,สี่,ห้า กว่าถึงน้อง
เกรงว่าห้อง หัวใจ พี่ไขว้เขว
จะยืดย้อย ห้อยหย่อน เหมือนนอนเปล
ยามกล่อมเห่ เหว่ว้า น้ำตาเล็ด
ถ้ารักน้อง ปองนุช อย่าหยุดพัก
หมั่นมาทัก กล่อมวาจา ภาษาเด็ด
คงสักวัน ได้ปลื้ม ดื่มน้ำมะเน็ต
วันทั้งเจ็ด เป็นของเรา เนานิรันดร์
แซมค่ะ