บนรอยยิ้ม พริ้มเพรา ที่เขาเห็น
ดูเหมือนเป็น เช่นสุข ทุกข์ไม่ถม
แต่ข้างใน ใครเล่า เศร้าระทม
ฝืนใจข่ม จมเศร้า เคล้าน้ำตา
มองข้างนอก บอกใคร ว่าใจสุข
แสนสนุก ทุกวัน จันทร์อิจฉา
เปรียบหมู่ดาว พราวล้อม ห้อมดารา
ดูสูงค่า น่าค้น คนอย่างเรา
แต่ความจริง สิ่งเห็น เป็นเพียงหลอก
เป็นเปลือกนอก ของคน ที่ทนเฉา
ใจดวงน้อย คอยรัก มานานเนาว์
คนใจเศร้า ร้าวราน ปานขาดใจ
นางฟ้า ชาลี
ดูเหมือนเป็น เช่นสุข ทุกข์ไม่ถม
แต่ข้างใน ใครเล่า เศร้าระทม
ฝืนใจข่ม จมเศร้า เคล้าน้ำตา
มองข้างนอก บอกใคร ว่าใจสุข
แสนสนุก ทุกวัน จันทร์อิจฉา
เปรียบหมู่ดาว พราวล้อม ห้อมดารา
ดูสูงค่า น่าค้น คนอย่างเรา
แต่ความจริง สิ่งเห็น เป็นเพียงหลอก
เป็นเปลือกนอก ของคน ที่ทนเฉา
ใจดวงน้อย คอยรัก มานานเนาว์
คนใจเศร้า ร้าวราน ปานขาดใจ
นางฟ้า ชาลี
เพราะเขาไม่ ได้คิด จิตผู้อื่น
ว่ากล้ำกลืน หนาวเหน็บ เจ็บแค่ไหน
ช่วงชีวิต ติดขัด อัดอั้นใด
ชะตากรรม นำไป คล้ายมืดมน
ใต้สีหน้า แย้มสรวล กลางมวลหมู่
แม้อดสู รู้ซ่อน วอนอย่าสน
ร้าวฤดี กี่ครั้ง ต้องยั้งทน
อยู่ร่วมชน หลายเหล่าแม้เศร้าจินต์
ปล่อยน้ำใส ไหลตก ในอกเศร้า
เก็บความเหงา เอาไว้ไม่ถวิล
ยิ้มเปื้อนหน้า ซ่อนช้ำ น้ำตาริน
รอวันจักโบยบิน ก่อนสิ้นลม...
“สุนันยา”
ว่ากล้ำกลืน หนาวเหน็บ เจ็บแค่ไหน
ช่วงชีวิต ติดขัด อัดอั้นใด
ชะตากรรม นำไป คล้ายมืดมน
ใต้สีหน้า แย้มสรวล กลางมวลหมู่
แม้อดสู รู้ซ่อน วอนอย่าสน
ร้าวฤดี กี่ครั้ง ต้องยั้งทน
อยู่ร่วมชน หลายเหล่าแม้เศร้าจินต์
ปล่อยน้ำใส ไหลตก ในอกเศร้า
เก็บความเหงา เอาไว้ไม่ถวิล
ยิ้มเปื้อนหน้า ซ่อนช้ำ น้ำตาริน
รอวันจักโบยบิน ก่อนสิ้นลม...
“สุนันยา”