จุฬารำลึก
๑
ข้าวสุกเหลืองหมดลานไปนานแล้ว
ลมเหนือแว่วแผ่วหวิวพลิ้วใบไผ่
กาสะลองแต้มขาวให้ราวไพร
นึกถึงให้ นึกหาจุฬาลำพอง
๒
เคยทาบฟ้าท้าห่มลมเกี่ยวข้าว
เสียงหง่างหง่าวกร้าวเกียรติเหยียดผยอง
กับปักเป้าปราดเปรียวเฉี่ยวคะนอง
ล้อกังหันหัวคลองทั้งสองเลา
๓
จึงอยากปลุกกระดาษสีเป็นชีวิต
ร่างลิขิตรวมขันธ์ถึงวันเก่า
เพียงตา กรีดมีดขวางแต่บางเบา
ไผ่ก็กลมเกลี้ยงเกลา เหมือนเข้ากลึง
๔
เลือกสีสุกซอเก่าที่เปราปล้อง
ยาวสักสองวาศอกพอปอกถึง
มะตูมดิบต้นใหญ่ใต้ตองตึง
มะเกลือครึ่งแก่ห่ามสักสามกำ
๕
ด้ายสมอทอใหม่ฝ้าย-ไนล่อน
ยางรักอ่อนค่อนข้นลนไฟต่ำ
กระดาษแก้วทอง-ชาด ตลาดชำ
ใบลานพึ่งอ้ายคำต่างตำบล
๖
จุฬาใหญ่สูงออกเจ็ดศอกครึ่ง
ไม้อกถึงนิ้วเฉียดกระเบียดฝน
แก้อ่อนเสี้ยนเปลี่ยนไล่ด้วยไฟลน
ชุบน้ำมันน้ำมนต์ ประกลประกาย
๗
จนผิวเคลือบเหลืองคล้ำระกำคลี่
เนื้อเป็นสีทรายขลับดังตับหวาย
เหลี่ยมบนอวบรวบเสี้ยวลู่เรียวปลาย
แต่หัวท้ายโน้มทานต้องต้านมือ
๘
ไม้ปีกคู่ตัดคร่าวราวไม้อก
ยาวสี่ศอกเศษตกเผื่อยกถือ
กลางเหลาไล่ปลายอ่อนร่อนกระพือ
ให้โค้งครือตรง-คลี่ทั้งสี่ทาง
๙
คู่ขากบสั้นกว่าสักห้านิ้ว
ปลายข้างอ่อนผ่อนผิวเรียวคิ้วถ่าง
แข็งเหลือปีกซีกข่มพอกลมบาง
ให้สมมาตรวาดวาง อย่างละเวง
๑๐
เหลาสะนูสู้ขนงชิ้นส่งท้าย
ยาวเท่าปีกโค้งปลายรับสายเร่ง
แล้วชิ้นโครงก็ครบจบเลบง
พรุ่งนี้เพลงช่างพรายจะร่ายรำ ฯ
พรายม่าน
สันทราย
๔ มกร์ ๕๕