"รำพึงพากย์"
ในหนึ่งช่วงเวลาพาผันเปลี่ยน
ให้บทเรียนเขียนชีวิตประสิทธิผล
ทุกดำริตริตรองประคองตน
สู่ถนนบนวิถีที่ควรเป็น
มีหัวเราะเสนาะจิตยามคิดหวน
มีคร่ำครวญป่วนใจร่ำไห้เห็น
มีสมหวังครั้งคราพาฉ่ำเย็น
มีลำเค็ญในจิตคิดรำพึง
สังคมมีตีเกลียวเกินเลี้ยวจาก
พบหลายหลากมากผู้มาสู่ถึง
มีทั้งสุข-ทุกข์จากหลากคำนึง
เธอคือหนึ่งในนั้น..วันดำเนิน
ยามหัวใจไหวรับกับรสรื่น
หาใดอื่นยื่นมัดว่าขัดเขิน
ล้วนต่างเผลอเธอฉันมั่นใจเกิน
ร่วมเผชิญเดินฝ่าปัญหามี
ระหว่างทางป่ารกปกหลุมหลาก
เดินฝ่าขวากมากพิษต่างคิดหนี
ชะตากรรมนำไปไม่อารี
ปล่อยฤดีเดี่ยวโดดลงโทษตน
เมื่อความรักผลักส่งลงจากสรวง
เดือนเต็มดวงเลื่อนลับดับแสงหม่น
ดาวนับล้านปานวาดหยาดอัสสุชล
ต่างร่วงหล่นปนเปื้อนลงเกลื่อนดิน
มาบัดนี้ที่เหลือเมื่อรับรู้
ให้หดหู่รู้ผลบนถวิล
ทุกก้าวย่างต่างผิดคิดยลยิน
ตราบเมื่อสิ้นเยื่อใยได้บทเรียน
จึงจารจดบทสังวรก่อนลาจาก
ความพลัดพรากมากระกำพร่ำขีดเขียน
วัฏฏจักรหลักนั้นมันวนเวียน
ต่างแปรเปลี่ยนเวียนผัน..จวบวันตาย.
ให้บทเรียนเขียนชีวิตประสิทธิผล
ทุกดำริตริตรองประคองตน
สู่ถนนบนวิถีที่ควรเป็น
มีหัวเราะเสนาะจิตยามคิดหวน
มีคร่ำครวญป่วนใจร่ำไห้เห็น
มีสมหวังครั้งคราพาฉ่ำเย็น
มีลำเค็ญในจิตคิดรำพึง
สังคมมีตีเกลียวเกินเลี้ยวจาก
พบหลายหลากมากผู้มาสู่ถึง
มีทั้งสุข-ทุกข์จากหลากคำนึง
เธอคือหนึ่งในนั้น..วันดำเนิน
ยามหัวใจไหวรับกับรสรื่น
หาใดอื่นยื่นมัดว่าขัดเขิน
ล้วนต่างเผลอเธอฉันมั่นใจเกิน
ร่วมเผชิญเดินฝ่าปัญหามี
ระหว่างทางป่ารกปกหลุมหลาก
เดินฝ่าขวากมากพิษต่างคิดหนี
ชะตากรรมนำไปไม่อารี
ปล่อยฤดีเดี่ยวโดดลงโทษตน
เมื่อความรักผลักส่งลงจากสรวง
เดือนเต็มดวงเลื่อนลับดับแสงหม่น
ดาวนับล้านปานวาดหยาดอัสสุชล
ต่างร่วงหล่นปนเปื้อนลงเกลื่อนดิน
มาบัดนี้ที่เหลือเมื่อรับรู้
ให้หดหู่รู้ผลบนถวิล
ทุกก้าวย่างต่างผิดคิดยลยิน
ตราบเมื่อสิ้นเยื่อใยได้บทเรียน
จึงจารจดบทสังวรก่อนลาจาก
ความพลัดพรากมากระกำพร่ำขีดเขียน
วัฏฏจักรหลักนั้นมันวนเวียน
ต่างแปรเปลี่ยนเวียนผัน..จวบวันตาย.
"บ้านริมโขง"
๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๔