สายลมทุ่งจรุงจิตพิสมัย
รำเพยไออาบอุ่นละมุนสม
บริสุทธิ์ดุจทิพย์หยิบเชยชม
เข้าห่อห่มสมสวาทมิคลาดคลา
ล้วนละเมียดละมัยดวงใจเจ้า
รื่นเริงเร้าเคล้าคลอรอห่วงหา
จากอรุณรุ่งสางสว่างตา
จวบจนฟ้ามืดลงยังคงคอย
เจ้าลมทุ่งมุ่งมาหาใดหนอ
ใครเคลียคลอรอหวังดั่งสุดสอย
เหนื่อยบ้างไหมในวันอันเลื่อนลอย
เจ้าคงน้อยใจบ้างระหว่างรอ
ฉันเป็นดังต้นไม้ที่ตายซาก
ที่ลมผ่านแล้วจากตากแดดต่อ
ไม่เหลือใดให้ซึ้งตรึงลออ
ชะเง้อคอเพียงมองหมองระทม
มองตามริ้วปลิวผ่านสะท้านหนาว
ตาฝ้าราวขาวหมอกหลอกใจข่ม
น้ำตาหยาดสู่แก้มแย้มระบม
ยามหันชมลมจากฝากอาลัย
เถิด..เลยจากฟากนี้ถึงที่สุด
อย่าสะดุดหยุดก่อหนอฝันใฝ่
อย่าอ่อนล้าลาแรงแสงส่องใจ
พัดเรื่อยไปให้ทุ่ง ฟุ้งรัญจวน.
รำเพยไออาบอุ่นละมุนสม
บริสุทธิ์ดุจทิพย์หยิบเชยชม
เข้าห่อห่มสมสวาทมิคลาดคลา
ล้วนละเมียดละมัยดวงใจเจ้า
รื่นเริงเร้าเคล้าคลอรอห่วงหา
จากอรุณรุ่งสางสว่างตา
จวบจนฟ้ามืดลงยังคงคอย
เจ้าลมทุ่งมุ่งมาหาใดหนอ
ใครเคลียคลอรอหวังดั่งสุดสอย
เหนื่อยบ้างไหมในวันอันเลื่อนลอย
เจ้าคงน้อยใจบ้างระหว่างรอ
ฉันเป็นดังต้นไม้ที่ตายซาก
ที่ลมผ่านแล้วจากตากแดดต่อ
ไม่เหลือใดให้ซึ้งตรึงลออ
ชะเง้อคอเพียงมองหมองระทม
มองตามริ้วปลิวผ่านสะท้านหนาว
ตาฝ้าราวขาวหมอกหลอกใจข่ม
น้ำตาหยาดสู่แก้มแย้มระบม
ยามหันชมลมจากฝากอาลัย
เถิด..เลยจากฟากนี้ถึงที่สุด
อย่าสะดุดหยุดก่อหนอฝันใฝ่
อย่าอ่อนล้าลาแรงแสงส่องใจ
พัดเรื่อยไปให้ทุ่ง ฟุ้งรัญจวน.
"บ้านริมโขง"
พลิ้วเพลงพรหม ด้วยลม ที่ห่มรัก
สานสลัก ตรึงตรา คราพัดหวน
ฟังหวิวแว่ว แผ่วผ่าน คำหวานครวญ
อุ่นไออวล แช่มชื่น...ระรื่นทรวง....
รักลอยลม พรมซ้ำ เย็นฉ่ำชื่น
ที่กล้ำกลืน ครั้งก่อน วอนขอสรวง
ให้สลาย ไกลห่าง เส้นทางลวง
เผชิญช่วงสุขแทรก แยกระทม
โอ้ลมทุ่ง มุ่งตาม สร้างความฝัน
เพียงรำพัน พัดพา อย่างสาสม
ลมรำเพย เชยพักตร์ ตระหนักชม
อย่าเป็นลม ละเมอ ให้เพ้อคอย-
เหมือนดั่งเช่น ต้นไม้ กลายเฉาแห้ง
คราวเปลี่ยนแปลง โรยรา จึ่งล้าถอย
ลมสวาท พัดเยือน อย่าเลื่อนลอย
พารักคล้อยเคลื่อนลา ให้อาวรณ์
อย่าให้ต้องหมองหม่นเทียวบ่นหา
โอ้ลมจ๋า คราร้าว เฝ้าถ่ายถอน
ดุจพัดพราก รักลา ไม่อาทร
ทรวงสะท้อน ดั่งย้ำ สิ้นคำนึง.......
“สุนันยา”