เสียงขลุ่ยพลิ้ว พลอดพร่ำ สำเนียงแผ่ว
วิเวกแว่ว วังเวง เป็นเพลงเหงา
สุริยา ลาเร้น มิเห็นเงา
ชวนแนบเนา เฝ้าเยือน แสงเดือนผ่อง
กระไอหมอก หยอกเย้า ลมเป่าปัด
กระเซ็นซัด ดาวเดือน จนเลือนหมอง
น้ำค้างพร่าง พรมชื้น รื่นละออง
รอแสงทอง ครองเช้า รุ่งเพรางาย
ร่ำระฆัง กังสดาล ขานหง่างเหง่ง
ปลุกเป็นเพลง บรรเลงว่า อย่าตื่นสาย
สีเหลืองทอ ลออตา มาเยี่ยมกราย
เดินเรียงราย รอกับ สำรับบุญ
ฝูงวัวควาย ไก่กา คืนนาทุ่ง
เป็นหมู่มุ่ง แม่นมั่น มิหันหุน
ข้าวออกรวง พวงลำยอง ทองละมุน
หอมกลิ่นกรุ่น คัดเค้า เสาวคนธ์
ความหลายหลาก มากรส เกินพจน์เผย
ยากเปรียบเปรย ทุ่งนา ป่าสถล
วิมานใด ไหนชื่น ระรื่นชนม์
คงไม่พ้น วิมานดิน เหนือถิ่นใด.../
บูรพาท่าพระจันทร์
วิเวกแว่ว วังเวง เป็นเพลงเหงา
สุริยา ลาเร้น มิเห็นเงา
ชวนแนบเนา เฝ้าเยือน แสงเดือนผ่อง
กระไอหมอก หยอกเย้า ลมเป่าปัด
กระเซ็นซัด ดาวเดือน จนเลือนหมอง
น้ำค้างพร่าง พรมชื้น รื่นละออง
รอแสงทอง ครองเช้า รุ่งเพรางาย
ร่ำระฆัง กังสดาล ขานหง่างเหง่ง
ปลุกเป็นเพลง บรรเลงว่า อย่าตื่นสาย
สีเหลืองทอ ลออตา มาเยี่ยมกราย
เดินเรียงราย รอกับ สำรับบุญ
ฝูงวัวควาย ไก่กา คืนนาทุ่ง
เป็นหมู่มุ่ง แม่นมั่น มิหันหุน
ข้าวออกรวง พวงลำยอง ทองละมุน
หอมกลิ่นกรุ่น คัดเค้า เสาวคนธ์
ความหลายหลาก มากรส เกินพจน์เผย
ยากเปรียบเปรย ทุ่งนา ป่าสถล
วิมานใด ไหนชื่น ระรื่นชนม์
คงไม่พ้น วิมานดิน เหนือถิ่นใด.../
บูรพาท่าพระจันทร์
ฝากบทเพลง ขับขาน แทนกานท์ตอบ
จึงขอมอบ สำเนียง ด้วยเสียงใส
บรรยายความ ตามวิมาน คนบ้านไพร
แม้ภาพไม่ สอดคล้อง ให้ต้องมนตร์
เป็นบทเพลงจากใจ ให้ผองเพื่อน
ขอขอบคุณ ที่เยือน เหมือนหยาดฝน
ชะโลมขวัญ วันเหงา เศร้าเต็มทน
กลับได้ ยลกวี ที่งดงาม...
"สุนันยา"