ใต้ต้นจามจุรีมีหญิงหนึ่ง
เฝ้ารำพึงถึงคนยลเรียกถึง
ตัวเองพร่ำร่ำร้องตรองคะนึง
ใจหวานซึ้งจึงกลับยับขมลา
ครานี้มาพาใจใคร่ร่ำร้อง
อุราหมองจองจำคร่ำครวญหา
ร้องครวญคร่ำพร่ำไห้ในวาจา
พรรณนาว่ารักหักอาดูร
เสื้อผ้าใส่ไซร้ขาดวาดเปลืยเปล่า
สวมรองเท้าท่าทางจะวางสูญ
หมดสิ้นคนสนใจใฝ่เกื้อกูล
ต้องเป็นศูนต์ตราหน้าว่า"เลวทราม"
คราเมื่อผ่านกาลเนิ่นเมินทางรุ่ง
ต้องหลงกรุงฟุ้งถิ่นให้ผินขาม
หลงกรุงเมืองเลื่องจิตพิศว่างาม
จนคิดตามนามผู้ไม่รู้ทัน
อยากกลับทุ่งกรุงเก่าเราเศร้านัก
ต้องลาหักจักร้างทางอาสัญ
คืนสู่ทุ่งจรุงแต้มแย้มรวงพันธุ์
กายาสั่นพรั่นคิดพิศจำจร
เฝ้ารำพึงถึงคนยลเรียกถึง
ตัวเองพร่ำร่ำร้องตรองคะนึง
ใจหวานซึ้งจึงกลับยับขมลา
ครานี้มาพาใจใคร่ร่ำร้อง
อุราหมองจองจำคร่ำครวญหา
ร้องครวญคร่ำพร่ำไห้ในวาจา
พรรณนาว่ารักหักอาดูร
เสื้อผ้าใส่ไซร้ขาดวาดเปลืยเปล่า
สวมรองเท้าท่าทางจะวางสูญ
หมดสิ้นคนสนใจใฝ่เกื้อกูล
ต้องเป็นศูนต์ตราหน้าว่า"เลวทราม"
คราเมื่อผ่านกาลเนิ่นเมินทางรุ่ง
ต้องหลงกรุงฟุ้งถิ่นให้ผินขาม
หลงกรุงเมืองเลื่องจิตพิศว่างาม
จนคิดตามนามผู้ไม่รู้ทัน
อยากกลับทุ่งกรุงเก่าเราเศร้านัก
ต้องลาหักจักร้างทางอาสัญ
คืนสู่ทุ่งจรุงแต้มแย้มรวงพันธุ์
กายาสั่นพรั่นคิดพิศจำจร
มาเมืองกรุง มุ่งหา สวามี
ครึ่งค่อนปี ผ่านพ้น จนขวัญอ่อน
อาศัยใต้ จามจุรี เป็นที่นอน
กลับเดือดร้อน ซ้อนซ้ำ ระกำใจ
ถูกข่มเหง ด้วยชาย ไม่ออกชื่อ
มือแล้วมือ ชอกช้ำ ทนร่ำไห้
หมดปัญญา ต่อกร วอนผู้ใด
ตรมหม่นไหม้ กลับบ้านนา แสนอาดูร