ความรักบนเส้นขนาน
….
เคยเสียดายเวลาล่วงเลยผ่าน
ยึดเอาฝันวันวานมาหวนหา
คนสองคนเป็นได้ แค่ไกลตา
เจ็บปวดในอุรา ทุกนาที
สายลมพริ้วผ่านไปอย่างไม่กลับ
ต้องแบกรับความรักจนล้นปรี่
ที่ไม่อาจบรรจบพบพอดี
สิ้นไร้ความปราณี สายสัมพันธ์
…..
การที่ได้รัก ได้รู้จักกับใครสักคน
ก็สุขมากล้น บนความหวาดหวั่น
ในนามแห่งความรัก ที่มักขนานกัน
และไม่มีวัน ที่จะหันกลับมา
อยู่กับความทรงจำในชีวิต
ไม่ทันได้คาดคิด “คนแปลกหน้า”
เป็นอดีตขีดคั่น วันเวลา
ที่หายไปช้าช้า อย่างชาเย็น
…..
อาจเป็นใครคนเดิม อาจเริ่มใช่!
หรืออาจไม่ เปลี่ยนไปอย่างที่เห็น
เมื่อถึงวันสิ้นสุด จุดลำเค็ญ
บังเกิดเป็นเส้นขนาน การร้างลา
…..
อาจดูเป็นเรื่องง่าย เดียวดายนัก
กว่าที่จะรู้จัก รักหนักหนา
แต่แล้วก็เจ็บช้ำ เสียน้ำตา
ไร้ซึ่งการกลับมา ของบางคน
…..
ความรักและใครสักคน ยังคงอยู่
บนเส้นขนานผ่านการรับรู้ และสับสน
วาดความฝันสวยงาม มาเกินทน
แล้วต้องอยู่กับตัวตน บนความจริง!
…..
ทา มะดำ
ความรักกับความจริง
เคยหรือไม่?
สภาวะแปลกไร้ไปทุกสิ่ง
สะดุ้งตื่นขึ้นตามหาความจริง
พบว่าวิ่งวนหลงในวงกลม
เอ่ยคำถามร้อยแปดกับแดดจ้า
ดึกน้ำตาดอกเดิมเพิ่มผสม
ไร้สาระรำพันฝันลม-ลม
หน้าชื่นแต่อกตรมขมชีวิต
หวานละมุนคุ้นเคยเป็นเฉยชา
ล่วงเวลายิ่งร่วงร้าวดวงจิต
คล้าย-คล้ายกับเกือบตายไปทีละนิด
เคยไหมมิตรคนดีเคยกี่ครั้ง
....
อาจเพราะคุ้นอุ่นไอในแดดอ่อน
อาบไล้ความอาทรอีกค่อนฝั่ง
ผ่านฤดูสู่ฤดีที่คงยัง-
เวียนว่ายในความหวังตั้งมากมาย
ว่า – เพลงเศร้า,เหงา,ฝัน พระจันทร์หม่น
จะปะปนครู่คราว คราวแดดฉาย-
ริ้วเพลิงทองก่องเม็ดเก็จประกาย
จักระบายสวนหมอกเป็นดอกไม้
สักครู่หนึ่งพืชผักจักเติบต้น
ให้มือปลูกได้ยลดอกผลใหม่
อาจ.กมุท.ผุด.น้ำงามวิไล
จากบ่อโดยมือใครถวายพระ
และกระดิ่งหน้าบ้านอาจขานรับ
วางมือจับจากครัวชั่วขณะ
การมาเยือนเพื่อนเก่าเล่าภาระ
หรืออาจจะเพียงแต่...แค่ลมพัด
พบตนยังแบกร่างอยู่กลางดึก
วูบขณะหลับลึกเพราะดึกจัด
เงากระจกเดียวดายยิ่งฉายชัด
ลมโฉบงัดหน้าต่างดังตึง-ตึง
เพียงแสงไฟในห้องส่องสลัว
รอบรอบตัวราตรีคลี่ม่านขึง
เห็นตะแบกกลีบเบาเฝ้ารำพึง
ไร้เงาซึ่งฝีเท้าก้าวมาเยือน
ภาพการสนทนาชราภาพ
แผ่วกระซาบว้าเหว่เร่ทางเถื่อน
ทิ้งสมุดดินสอเคยกรอเดือน
ลากรอยเปื้อนทิ้งท้ายให้คำนึง
กลายเป็น “คนแปลกหน้า” มาทวงถาม
วิ่งไล่ตามชีวิตที่คิดถึง
ให้หัวใจโหยหาได้ตราตรึง
แค่เพียงหนึ่งนาทีก็ดีนัก.
เคยหรือไม่?
สภาวะแปลกไร้ไปทุกสิ่ง
สะดุ้งตื่นขึ้นตามหาความจริง
พบว่าวิ่งวนหลงในวงกลม
เอ่ยคำถามร้อยแปดกับแดดจ้า
ดึกน้ำตาดอกเดิมเพิ่มผสม
ไร้สาระรำพันฝันลม-ลม
หน้าชื่นแต่อกตรมขมชีวิต
หวานละมุนคุ้นเคยเป็นเฉยชา
ล่วงเวลายิ่งร่วงร้าวดวงจิต
คล้าย-คล้ายกับเกือบตายไปทีละนิด
เคยไหมมิตรคนดีเคยกี่ครั้ง
....
อาจเพราะคุ้นอุ่นไอในแดดอ่อน
อาบไล้ความอาทรอีกค่อนฝั่ง
ผ่านฤดูสู่ฤดีที่คงยัง-
เวียนว่ายในความหวังตั้งมากมาย
ว่า – เพลงเศร้า,เหงา,ฝัน พระจันทร์หม่น
จะปะปนครู่คราว คราวแดดฉาย-
ริ้วเพลิงทองก่องเม็ดเก็จประกาย
จักระบายสวนหมอกเป็นดอกไม้
สักครู่หนึ่งพืชผักจักเติบต้น
ให้มือปลูกได้ยลดอกผลใหม่
อาจ.กมุท.ผุด.น้ำงามวิไล
จากบ่อโดยมือใครถวายพระ
และกระดิ่งหน้าบ้านอาจขานรับ
วางมือจับจากครัวชั่วขณะ
การมาเยือนเพื่อนเก่าเล่าภาระ
หรืออาจจะเพียงแต่...แค่ลมพัด
พบตนยังแบกร่างอยู่กลางดึก
วูบขณะหลับลึกเพราะดึกจัด
เงากระจกเดียวดายยิ่งฉายชัด
ลมโฉบงัดหน้าต่างดังตึง-ตึง
เพียงแสงไฟในห้องส่องสลัว
รอบรอบตัวราตรีคลี่ม่านขึง
เห็นตะแบกกลีบเบาเฝ้ารำพึง
ไร้เงาซึ่งฝีเท้าก้าวมาเยือน
ภาพการสนทนาชราภาพ
แผ่วกระซาบว้าเหว่เร่ทางเถื่อน
ทิ้งสมุดดินสอเคยกรอเดือน
ลากรอยเปื้อนทิ้งท้ายให้คำนึง
กลายเป็น “คนแปลกหน้า” มาทวงถาม
วิ่งไล่ตามชีวิตที่คิดถึง
ให้หัวใจโหยหาได้ตราตรึง
แค่เพียงหนึ่งนาทีก็ดีนัก.