"คนเขียนกลอน" อ้อนคำ พร่ำอักษร
ทุกบทตอน วอนไว้ ดังใจที่
ปรารถนา ร้อยกานท์ ผ่านกวี
แต่บางครั้ง บางที มีร้าวรอน
"คนเขียนกลอน"มากมี ที่หดหู่
ด้วยอดสู ดวงใจ ใคร่ถ่ายถอน
ถูกหมางเมิน ห่างหาย ไร้อาวรณ์
จากนักกลอน เหมือนกัน จึงหวั่นใจ
"คนเขียนกลอน" บางที ก็มีท้อ
แต่งแต้มต่อ ภาษา พาอ่อนไหว
แอบซึ้งใน อักษร กลอนอำไพ
เป็นบ่อเกิด แห่งใจ ให้อาทร
"คนเขียนกลอน"อ่อนล้า บางคราเจ็บ
ไม่อาจเก็บอาการ ปานหลอกหลอน
สำนวนความ หวามไหว ในบางตอน
ดุจอาวรณ์ อาลัย ให้คำนึง
"คนเขียนกลอน" กลืนเจ็บ เก็บอักษร
นอนกอดหมอน ย้อนคำ ความคิดถึง
หากอ่อนไหว อาจหลงลม คมรำพึง
บทกลอนซึ้ง จากศิลป์ จินกวี
"คนเขียนกลอน" ส่งความ คอยถามไถ่
เหตุที่ใจ กำสรวล ชวนโศกศรี
เพราะอ่อนไหว คารม พรมวจี
จึงเกิดมี เรื่องเศร้า ให้เฝ้าตรม
“คนเขียนกลอน” เพียงฝาก อยากให้รู้
บางครั้งดู เริงรื่น ชื่นสุขสม
แต่ความจริง มีบ้าง เหมือนสร้างปม
เป็นรอยทาง ระทม ถม..ใจตน
“คนเขียนกลอน” นอนเศร้า เหงาจับจิต
จึงลิขิต เขียนคำ ยามสับสน
จินตนา อักษร กานท์กลอนกล
ทั้งที่”คนเขียนกลอน” ร้าวรอนนัก...
"สุนันยา"
[/font] [/size] [/color] [/center]
[/quote]
เธอเขียนกลอน อ้อนใคร ใคร่สอบถาม
ฟังถ้อยความ เค้าเงื่อน เหมือนอกหัก
ใครใจดำ ผลาญพร่า สุดาลักษณ์
หรือทึกทัก เอาเอง ตามเพลงกลอน
ฟังพี่ปลอบ น้องจ๋า อย่าโศกเศร้า
กระกรี้กระเปร่า มุ่งมั่น เลิกขวัญอ่อน
อุปสรรค เล็ก,ใหญ่ ให้ต่อกร
มิย่อหย่อน พรั่นพรึง จึ่งมีชัย