...เรื่องเล่าหลังเหตุการณ์ "กบกินเดือน"...
เวลา ๑๘ นาฬิกา ๓๐ นาที...
"082xxxxxxx"
"ฮัลโหล..."
"สวัสดีครับแม่ ผมเองครับ"
"อืออ...แอ๊ะๆๆๆ"
"แม่ไม่สบาย เป็นหวัดหรือครับ?"
"อือ... แม่เป็นหวัด และไอมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว"
"แล้วแม่กินยาแก้ไอหรือเปล่าล่ะครับ?"
"กินแล้วล่ะ"
"อย่าลืมดื่มน้ำอุ่นตอนเช้าๆ ด้วยนะแม่ ช่วยได้เยอะ"
"แม่ก็ดื่มทุกวันแหละไอ้หนูเอ๊ย"
"แม่เกี่ยวข้าวเสร็จยังครับ?"
"เสร็จแล้ว เสร็จหลายวันแล้วล่ะ"
"ได้กี่เกวียนครับปีนี้?"
"ก็...สิบกว่าเกวียน"
"หมดค่าจ้างรถเกี่ยวข้าวไปกี่บาทครับปีนี้?"
"ก็...สองหมื่นกว่าๆ ประมาณสองหมื่นห้าน่าจะได้นะ"
"โฮ....หมดเยอะเหมือนกันนะเนี่ย"
"ใช่...หมดเยอะ ปีนี้เจ้าของรถเขาคิดค่าเกี่ยวแพงกว่าปีที่แล้ว"
"อ้าว..ทำไมล่ะครับ ไม่ใช่ไร่ละ ๖๐๐ บาทหรือครับ?"
"บางเจ้าก็เท่านั้นแหละ แต่บางเจ้าก็ ๖๕๐ บาทต่อไร่ ไร่นาของแม่สิบกว่าไร่ก็ประมาณนี้แหละ"
"แล้วแม่เอาเงินที่ไหนมาจ้างเขาเกี่ยวละครับ?"
"ก็ขายข้าวไงล่ะ ข้าวที่เก็บไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เหลือพอขายได้เอามาเป็นค่าปุ๋ยและค่าจ้างเกี่ยว"
"เอ่อ..แม่ครับ แม่ได้รับธนาณัติที่ผมส่งให้ยังครับ?"
"แม่ได้รับแล้ว เมื่อสองวันก่อน พอดีแม่เดินเล่นไปตามถนน บุรุษไปรณีย์เขาเห็นแม่ก็เลยเอาให้พอดี"
"แม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้เขาเท่าไรล่ะครับ?"
"ก็แค่ห้าสิบบาทเอง"
"อืมม...ไม่แพงเท่าไร ถือเสียว่า ค่าน้ำมันรถให้เขาเนาะแม่เนาะ ถ้าต้องเสียค่ารถไปเบิกที่อำเภอก็คงเสียประมาณนี้แหละ"
"ใช่..แม่ก็ว่างั้นแหละ อีกอย่าง ไม่มีเวลาจะไปด้วย"
"ผมมีให้แม่แค่นั้นแหละครับ"
"เออ..ไม่เป็นไรหรอก ทำไงได้ล่ะ มีเท่าไรก็เท่านั้นแหละ แม่ไม่ว่าอะไรหรอก"
"ผมกะว่าจะส่งมาช่วยเป็นค่าจ้างเกี่ยวข้าวน่ะครับ แล้วแม่บอกพ่อหรือยังครับ?"
"ยังไม่ได้บอกเลย พ่อไม่รู้หรอก"
"อ้าว..ทำไมล่ะแม่ ผมส่งให้ในชื่อของพ่อนะครับ"
"ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็ใช้ด้วยกันอยู่แล้ว"
"ครับผม...ฮ่าๆๆ แม่นี่สุดยอดจริงๆ แล้วไอ้ปุ๊มันทำอะไรอยู่ล่ะครับนี่?"
"มันก็มากวนอยู่ข้างๆ แม่นี่แหละ มันเพิ่งกลับจากเที่ยวที่โคราช"
"เหรอครับ ใครพามันไปเที่ยวหรือครับ?"
"ก็ครูนั่นแหละ เขาไปทั้งโรงเรียน เพิ่งกลับมาเมื่อตอนค่ำ"
...
คุยถึงตรงนี้ได้ยินเสียงแว่วๆเข้าหูโทรศัพท์จาก "ไอ้ปุ๊" ดังมาว่า
"คุณลุง...เคยไปเที่ยวเขาพนมรุ้งไหม? คุณลุงเคยไปเที่ยวสวนสัตว์ไหม? คุณลุงเคยไปเที่ยววัดหลวงพ่อโตของสรพงศ์ ชาตรีไหม?"
"อ๋อ...เคยไปมาแล้วสองที่ เหลือแต่สวนสัตว์ที่โคราช ลุงยังไม่เคยไป"
"ฮ่าๆๆ มันช่างถามหลานคนนี้" เสียงแม่เพิ่มเติมมา
"ทางโรงเรียนเขาเก็บค่ารถไหมครับนี?"
"ทำไมจะไม่เก็บ ตั้งคนละสองร้อยบาทแน่ะ"
"อืมม แพงเหมือนกันนะ แล้วแม่ให้ไอ้ปุ๊มันไปกี่บาทล่ะ?"
"ให้ค่ารถและค่ากินอีกร้อยห้าสิบบาท กลับมาไม่เห็นเหลือสักบาท"
"โฮ...มันกินหมดเลยหรือ? วันเดียวไม่น่ากินหมดเป็นร้อยนะ"
"เห็นมันได้อะไรมาสักอย่างนี่แหละ คิดว่า มันคงหมดเพราะซื้อของด้วยมากกว่า"
"อืมมน่าจะใช่อย่างนั้นแหละครับแม่ แล้วนี่มันอ่านหนังสือที่ผมจ้างมันอ่านจบยังครับ?"
"ยังเลย ยังอ่านไม่จบเลย มัวแต่วิ่งเล่นไปทางโน้นที ทางนี้ที"
"บอกมันด้วย ถ้าไม่จบ ไม่จ่ายค่าจ้างให้น่ะ"
"ฮ่าๆๆ มันบอกว่า ไม่จ่ายก็ช่างลุงสิ"
"เหอะๆๆ หลานคนนี้ จริงๆเลย เอาน่า ที่มันอ่านแล้ว ผมก็เก็บเงินไว้ให้มันอยู่ ไว้มาเจอแล้วค่อยจ่าย"
....
"อ้อ..แม่เมื่อคืนนี้ แม่ได้ออกไปดูกบกินเดือนหรือเปล่าครับ?"
"แม่ไม่รู้ว่ามีกบกินเดือน ได้ยินไอ้ปุ๊มันว่า ก็เลยเปิดหน้าต่างออกไปดูหน่อยเดียว ตอนเดือนถูกกลืนไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ส่วนพ่อเขาลงไปดูข้างล่าง"
"แล้วแม่ไม่ได้เคาะต้นมะพร้าวหรือครับ?"
"ฮ่าๆ ให้พ่อเขาไปเคาะต้นไม้ เคาะยุ้งฉางแล้วล่ะ"
"ผมก็ได้ดูหน่อยเดียว ไปยืนดูและถ่ายรูปไว้ตอนที่ถูกกลืนถึงครึ่งดวงเหมือนกัน
เออ..แม่ครับ โบราณเขาว่าไงบ้างครับ เวลาที่เกิดเหตุการณ์ "กบกินเดือน"อย่างนี้?"
"อันนี้ แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"ผมก็ไม่รู้ แต่ได้ยินเขาว่ากันว่า จะเกิดเหตุไม่ค่อยดีแก่ประเทศชาตินะแม่"
"อืออ...มันก็เป็นแบบนี้้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีอยู่เรื่อยๆ ไม่เห็นชาติจะล่มจมเสียที"
"ครับ เขาก็ว่ากันไปตามหมอดูนะครับแม่ หมอดูเขาก็ว่าตามวิชาของเขา"
..
..
(โปรดติดตามตอนที่ ๒)
...ส.เชื้อจันทร์...
เช้าวันที่ ๑๒ ธ.ค. เวลา ๙ นาฬิกา ๑๔ นาที