"แสนหวงห่วงดวงใจในดวงตา"
คนหนาวท้อรอใครให้เทียมเทียบ
หากท้อแท้แพ้เปรียบเหยียบจอมเสียม
หยามใจสาดวาดฝันอันไหม้เกรียม
อาจหมดกรอบกรงเหลี่ยมยอดเยี่ยมคำ
ยามเยื้องคอยหงอยเหงารอเฝ้าพี่
รักฝากผ่านพจน์วจีที่งามขำ
ทำงานขานกานท์ขับรับร้อยนำ
เรียงรักน้องนางร่ำจำร่ายริน
จินต์ร้องรอต่อเติมเสริมภาษา
สร้างภาษิตจินตนาว่าสุขศิลป์
วานสู่สมชมเชยเคยเคียงจินต์
คู่คมใจใคร่ดิ้นสิ้นคำลา
สมคู่ล่องท่องเที่ยวเปล่าเปลี่ยวจิต
ปลดปล่อยใจใกล้ชิดสิทธิ์โหยหา
แสนหวงห่วงดวงใจในดวงตา
น้องดูต่างห่างว่าพาเคียงกัน
เพียงคู่แก้วแวววับประดับร้อย
ประดิษฐ์รักถักถ้อยสร้อยรังสรรค์
สร้างรู้สมคมคู่รู้รำพัน
เรียงรักพจน์บทฝันนิรันดรฯ
หทัยกาญจน์
๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔
นั่งร้อยดาวพราวแสงก่อแรงเร้า
เกินร่ายเรียงเคียงเจ้าเฝ้าทอดถอน
ฝันทั้งที่มีใดให้อาวรณ์
หากอ้างวันผันผ่อนคงอ่อนใจ
คอยอ่านจากแววตาภาษาสู่
ภาพสวยส่องมองรู้ดูไสว
ดื่นสวรรค์มากแม้แต่รำไร
ตามร่ำร้องปองไปยิ่งไกลมาน
ยังกล้ามั่นฝันไว้ในใจพี่
นำจิตพ้องปองพลีมีสุขศานต์
มอบสู่สิ้นถิ่นใดแม้ไกลกาล
ไม่กลับก่อนวอนหวานสานอารมณ์
ส่งอะไรฝากให้ใดไหนเท่า
เดินหน้าทำนำเฝ้าเจ้าสุขสม
จึงส่งสู่รู้รักภักดิ์นิยม
เพิ่มในยามงามชม ภิรมย์พา.
เกินร่ายเรียงเคียงเจ้าเฝ้าทอดถอน
ฝันทั้งที่มีใดให้อาวรณ์
หากอ้างวันผันผ่อนคงอ่อนใจ
คอยอ่านจากแววตาภาษาสู่
ภาพสวยส่องมองรู้ดูไสว
ดื่นสวรรค์มากแม้แต่รำไร
ตามร่ำร้องปองไปยิ่งไกลมาน
ยังกล้ามั่นฝันไว้ในใจพี่
นำจิตพ้องปองพลีมีสุขศานต์
มอบสู่สิ้นถิ่นใดแม้ไกลกาล
ไม่กลับก่อนวอนหวานสานอารมณ์
ส่งอะไรฝากให้ใดไหนเท่า
เดินหน้าทำนำเฝ้าเจ้าสุขสม
จึงส่งสู่รู้รักภักดิ์นิยม
เพิ่มในยามงามชม ภิรมย์พา.
"บ้านริมโขง"
กลบท นาคราชแผลงฤทธิ์จะคล้ายกับกลบทช้างประสานงา(หรืออักษรบริพันธ์)