"หนาวระทม"
หนาวเหลือเกินเดินนั่งก็ยังหนาว
ก่อนยังหน่วงช่วงคราวมีสาวสู่
เมื่อสมสองจองจากพรากโฉมตรู
พร่ำฉ่ำตรมถมสู่ดูเดียวดาย
ด้วยดึงดันฉันเมินเกินร่ายรัก
ก่อริ้วรอยปล่อยหลักหลุดปักหมาย
หลงเป้าหมองครองร้าวหนาวใจกาย
หน่วงจนเกินเขินปลายไม่หมายมอง
เมื่อหมดมุ่งคุ้งคำต้องจำพราก
เติมจิตพร่องร้องฝากจากใจหมอง
จำจากหมู่คู่เคล้าเคยเฝ้าปอง
คนใฝ่เป็นเช่นต้องลาน้องไกล
ลงเนื้อกลอนวอนหาคราต้องจาก
ครั้นตามจิตคิดมากฝากหวั่นไหว
เฝ้าหวาดหวังยังตรมระทมใจ
เริ่มท้อจนหม่นไหม้..ใครไหนเทียม.
ก่อนยังหน่วงช่วงคราวมีสาวสู่
เมื่อสมสองจองจากพรากโฉมตรู
พร่ำฉ่ำตรมถมสู่ดูเดียวดาย
ด้วยดึงดันฉันเมินเกินร่ายรัก
ก่อริ้วรอยปล่อยหลักหลุดปักหมาย
หลงเป้าหมองครองร้าวหนาวใจกาย
หน่วงจนเกินเขินปลายไม่หมายมอง
เมื่อหมดมุ่งคุ้งคำต้องจำพราก
เติมจิตพร่องร้องฝากจากใจหมอง
จำจากหมู่คู่เคล้าเคยเฝ้าปอง
คนใฝ่เป็นเช่นต้องลาน้องไกล
ลงเนื้อกลอนวอนหาคราต้องจาก
ครั้นตามจิตคิดมากฝากหวั่นไหว
เฝ้าหวาดหวังยังตรมระทมใจ
เริ่มท้อจนหม่นไหม้..ใครไหนเทียม.
"บ้านริมโขง"
"แสนหวงห่วงดวงใจในดวงตา"
คนหนาวท้อรอใครให้เทียมเทียบ
หากท้อแท้แพ้เปรียบเหยียบจอมเสียม
หยามใจสาดวาดฝันอันไหม้เกรียม
อาจหมดกรอบกรงเหลี่ยมยอดเยี่ยมคำ
ยามเยื้องคอยหงอยเหงารอเฝ้าพี่
รักฝากผ่านพจน์วจีที่งามขำ
ทำงานขานกานท์ขับรับร้อยนำ
เรียงรักน้องนางร่ำจำร่ายริน
จินต์ร้องรอต่อเติมเสริมภาษา
สร้างภาษิตจินตนาว่าสุขศิลป์
วานสู่สมชมเชยเคยเคียงจินต์
คู่คมใจใคร่ดิ้นสิ้นคำลา
สมคู่ล่องท่องเที่ยวเปล่าเปลี่ยวจิต
ปลดปล่อยใจใกล้ชิดสิทธิ์โหยหา
แสนหวงห่วงดวงใจในดวงตา
น้องดูต่างห่างว่าพาเคียงกัน
เพียงคู่แก้วแวววับประดับร้อย
ประดิษฐ์รักถักถ้อยสร้อยรังสรรค์
สร้างรู้สมคมคู่รู้รำพัน
เรียงรักพจน์บทฝันนิรันดรฯ
หทัยกาญจน์
๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔
กลบท นาคราชแผลงฤทธิ์จะคล้ายกับกลบทช้างประสานงา(หรืออักษรบริพันธ์)