*** ฝนพรำยามหนาว ***
***********
หากมีดาว ตาระดาษ สาดแสงส่อง
นภาผ่อง มองเห็น ดั่งเส้นสี
ดวงดารา สะพรั่งพราว ราวมณี
คงจะดี กว่าคืนที่…. มีฝนพรำ
**********
สายลมย้ำ ยามหนาว ร้าวสะอื้น
น้ำตาลื่น หลั่งริน จินต์เจ็บหนำ
โอ้พี่เอ๋ย เคยพลอด กอดประจำ
ทุกถ้อยคำ พร่ำมา น่าซึ้งใจ
**********
มองออกนอก หน้าต่าง ยังมีสาย-
ฝนหล่นปราย ครุ่นคิด จิตหวั่นไหว
รัตติกาล เคยซึ้ง ถึงทรวงใน
ต่อนี้ไป ต้องเหงา เศร้าตรอมตรม
***********
ไร้เงาเยือน เหมือนว่า ลาหลีกหลบ
ได้แต่ซบ กับหมอน นอนขื่นขม
น้ำตาไหล อาบแก้ม แต้มระทม
เย็นสายลม พลิ้วพราย ใจร้าวรอน
***********
นอนสะอื้น กลืนกล้ำ ร่ำไห้หวน
เคล้าเสียงครวญ อาลัย ไว้กับหมอน
ไม่เหลือรอย ซึ้งซาบ อาบอาวรณ์
รักไกลจร สุดฝืน กลืนน้ำตา
************
พิรุณโปรย โชยซับ รับลมหนาว
ที่พัดพราว ฟุ้งซ่าน หวั่นผวา
เป็นฝนหนาว ร้าวลง ตรงอุรา
ยอดยาใจ..หายหน้า น้ำตาริน
************
“สุนันยา”
อย่าวิโยค โศกศัลย์ เลยขวัญเจ้า
หนักเสียเปล่า เปรียบเป็น เช่นถ่วงหิน
เก็บทำไม ไร้ค่า เป็นอาจิณ
ขอยุพิน เชื่อฟัง มิชังความ
ขอเพียงให้ ใจมั่น เรียกขวัญกลับ
เพื่อตั้งรับ ทุกข์ตรม หรือคมหนาม
พร้อมเคียงคู่ อยู่โยง ทุกโมงยาม
คอยติดตาม เคียงกัน เป็นขวัญใจ.../
บูรพาท่าพระจันทร์
หนักเสียเปล่า เปรียบเป็น เช่นถ่วงหิน
เก็บทำไม ไร้ค่า เป็นอาจิณ
ขอยุพิน เชื่อฟัง มิชังความ
ขอเพียงให้ ใจมั่น เรียกขวัญกลับ
เพื่อตั้งรับ ทุกข์ตรม หรือคมหนาม
พร้อมเคียงคู่ อยู่โยง ทุกโมงยาม
คอยติดตาม เคียงกัน เป็นขวัญใจ.../
บูรพาท่าพระจันทร์