ท่ามทิวไพรในกลางเถื่อนดูเลือนลาง
ความมืดขวางทางสัญจรดูอ่อนไหว
ระแวกหนึ่งซึ่งกล่อมเห่ด้วยเรไร
ดูคลับคล้ายไกวแกว่งแห่งสายธาร
สวยก็สวยด้วยดาวที่พราวฟ้า
แต่ทว่าเงียบไร้ไม่อ่อนหวาน
กลิ่นอบอวลทวนลมพรมดวงมาลย์
แต่ใยผ่านม่านมิดสนิทเงา
กลืนกินสิ้นแม้นกลิ่นเพยียสรวง
ภวังค์ห้วงทวงตามด้วยความเหงา
ลำนำหนึ่งซึ่งฝากลมที่ห่มเบา
ฝากถึงเจ้าคนไกลในต่างแดน. . .
ความคิดถึงหนึ่งใจฝากไปหน่อย
ดวงดาวคล้อยลอยไปไกลสุดแสน
ส่งคำนี้ที่ฝากไว้ไปต่างแดน
"คิดถึงแฟนที่แสนห่วงทุกห้วงกาล"
ความมืดขวางทางสัญจรดูอ่อนไหว
ระแวกหนึ่งซึ่งกล่อมเห่ด้วยเรไร
ดูคลับคล้ายไกวแกว่งแห่งสายธาร
สวยก็สวยด้วยดาวที่พราวฟ้า
แต่ทว่าเงียบไร้ไม่อ่อนหวาน
กลิ่นอบอวลทวนลมพรมดวงมาลย์
แต่ใยผ่านม่านมิดสนิทเงา
กลืนกินสิ้นแม้นกลิ่นเพยียสรวง
ภวังค์ห้วงทวงตามด้วยความเหงา
ลำนำหนึ่งซึ่งฝากลมที่ห่มเบา
ฝากถึงเจ้าคนไกลในต่างแดน. . .
ความคิดถึงหนึ่งใจฝากไปหน่อย
ดวงดาวคล้อยลอยไปไกลสุดแสน
ส่งคำนี้ที่ฝากไว้ไปต่างแดน
"คิดถึงแฟนที่แสนห่วงทุกห้วงกาล"
เหมือนเราสอง ใจตรงกัน สวรรค์สร้าง
สุดอ้างว้าง ห่างไกล ไยฟุ้งซ่าน
มองดวงดาว ทีไร ให้ร้าวราน
ไม่ชื่นบาน เหมือนก่อน เมื่อย้อนดู
คนจากไกล สุดเหงา เศร้าดวงจิต
ขาดมิ่งมิตร ชิดปลอบ ตอบให้รู้
ความเหงาเข้า รุมเร้า เจ้าโฉมตรู
ยอดพธู อยู่อย่าง อ้างว้างคอย
เห็นดาวน้อย คล้อยเคลื่อน เหมือนเตือนว่า
วันเวลา จากไกล ใจเศร้าสร้อย
เมื่อไหร่หนอ จะหวนคืน ฝืนใจลอย
คนไกลพลอย มองฟ้า แสนอาดูรย์
พันทอง