หลับตาลงตรงนี้ที่ขีดเขียน
เลือดไหลเวียนเปลี่ยนหมุนอุ่นสมาน
แต่ใจหนาวร้าวรอนอ้อนดวงมาน
ถึงสะท้านพาสะท้อนวอนอารมณ์
นั่นคือเพื่อนเยือนหมู่ผู้ร่วมสร้าง
แต่อ้างว้างวางใด..ได้สุขสม
คนชิดใกล้ไหนคู่..เป็นชู้ชม
มีแต่ลมพรมผ่าน..รานฤทัย
จึงหวังเพียงเสียงวจีที่เผยบอก
ว่าช้ำชอกออกสู่คงลู่ไหล
จากหนึ่งทรวงถึงหนึ่งคนเพียงสนใจ
ขอหนึ่งใครเคียงข้างอย่างร้างเลย
ทั้งทุกข์ท้อรอเกี่ยวเดียวดายนัก
ยังยากจนข้นคลักจักเฉลย
คงเป็นเหตุแห่งห่างร้างชื่นเชย
ไร้คำเอ่ย..อวดอ้าง..คนอย่างเรา.
เลือดไหลเวียนเปลี่ยนหมุนอุ่นสมาน
แต่ใจหนาวร้าวรอนอ้อนดวงมาน
ถึงสะท้านพาสะท้อนวอนอารมณ์
นั่นคือเพื่อนเยือนหมู่ผู้ร่วมสร้าง
แต่อ้างว้างวางใด..ได้สุขสม
คนชิดใกล้ไหนคู่..เป็นชู้ชม
มีแต่ลมพรมผ่าน..รานฤทัย
จึงหวังเพียงเสียงวจีที่เผยบอก
ว่าช้ำชอกออกสู่คงลู่ไหล
จากหนึ่งทรวงถึงหนึ่งคนเพียงสนใจ
ขอหนึ่งใครเคียงข้างอย่างร้างเลย
ทั้งทุกข์ท้อรอเกี่ยวเดียวดายนัก
ยังยากจนข้นคลักจักเฉลย
คงเป็นเหตุแห่งห่างร้างชื่นเชย
ไร้คำเอ่ย..อวดอ้าง..คนอย่างเรา.
"บ้านริมโขง"
หลับตายิ้ม....
หลับตายิ้มริมฝั่งยังขีดเขียน
ความเดียวดายคล้ายเหรียญพลิกเวียนเศร้า
ความเปล่าเปลี่ยวเหลียวหลังดังเช่นเงา
ความเหว้หว้าว่าเหงาเข้ามาแทน
ความดิ้นร้นจนกล่าวสาวคำตอบ
ความผิดหวังพังปลอบชอบสุดแสน
ความอกหักรักช้ำจำไร้แฟน
ความพลั้งพลาดขาดแคลนแก่นความจริง
ความทุกข์ท้อทรมานขาดเรื่องรัก
ความระกำช้ำหนักพักบางสิ่ง
ความจำยอมพร้อมฟังยังแอบอิง
ความเดียวดายคล้ายสิ่งวิ่งเคียงกัน
ความโศกเศร้าเล่าเรื่องเฟื่องฟุ้งผ่าน
ความระทมข่มกานท์สาส์นสวรรค์
ความโดนเด่นเช่นแสงแจ้งจากจันทร์
ความปะทะตะวันฉันขอเคียง
หทัยกาญจน์
๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔