น้ำตาจระเข้
อิทิสังฉันท์ ๒๐
๐ เดิมก็ปรักบุปูนตะปุ่มตะป่ำ ตะข่ายชะโงกกรุเงื่อนชะง้ำ
ตะไคร่เขียว
๐ ทั้งตะโขงตะกวดจะกรูจะเกรียว มิไยขยาดแขยงอึเยี่ยว
ก็ทนเอา
๐ ไหนจะรอบแสดงตะแบงเขย่า วิชาทยอยชะรอยป๊ะเย้า
ริสอนมา
๐ แดดก็ร้อนจุปากระบมจะอ้า ทะลึ่งขยับกะโหลกผวา
มุขวางฟัน
๐ ครั้นจะงับฉะฉับสลับขยั้น ขมองกะลาก็คงสะบั้น
ละเลงลาน
๐ ทรมานกระนั้นลุวันประหาร กะโครงกระดูกรึเศษประทาน
ประทังตาย
๐ พอพิรุณกระหน่ำนทีสยาย ทะลักกระโจนทะลุทลาย
พระการุณย์
๐ บ่อก็ล้นละลอกกระสอบก็หมุน ระดับพะเนินก็เกินจะดุน
ประคองดิน
๐ เทพแหละทรงพระเนตพระเลศกสิณ ประสิทธิ์วิธีระวีกระบิล
ผิเวไนย
๐ แหวกกระแสยะเยียบชอุ่มไสว มิต้องพะวงวิถีประลัย
ณ ทาสเทียร
๐ แต่มนุษย์ก็ยังมิสร่างเกษียณ ตระหนี่ดนูบิบ้าจะเบียน
ตะบึงโกย
๐ ชีพกระชากถะถั่งกระสุนประโปรย มิใช่เพราะหิวละเหี่ยระโหย
จะเอาเฮ
๐ เชือกสะบัดกระหวัดตะพักกระเท่ ระเนนระบมทุลักทุเล
ทุเรศรัด
๐ โถ สนุกกะน้ำมิยังถนัด วิเวกกถาก็ยังมิชัด
จะขับชม
๐ คงละอองสุรีย์กระเซ็นผสม ผละนัยนาระรินระทม
มิใช่ใจ
พรายม่าน
สันทราย
๒๓.๑๑.๕๔