เพียงสายลมพรมผันเหมันต์หวน
หทัยครวญชวนโศกด้วยโรคเก่า
ลมแผ่วพริิ้วสยิวสั่นมิบรรเทา
ฟ้าหมองเศร้าเหงาจังหนาวครั้งใด
ราตรีกาลผ่านคืนทนกลืนเก็บ
ลมกางเล็บเหน็บทับแทบดับไข
คนเคียงข้างห่างหายเดียวดายใจ
อิงอุ่นไอใครดีราตรีเยือน
ไร้ตัวตนคนเข้าเคียงเย้าหยอก
เหมือนจับหมอกบอกแขนไม่แม้นเหมือน
คิดว่าจริงอิงซบกลับลบเลือน
ทิ้งรอยเปื้อนเตือนย้ำให้ช้ำตรม
มองดวงดาววาวใสกลับใจหม่น
มองสายชลล้นชื่นกลับขื่นขม
มองจันทราสง่าเด่นกลับเป็นปม
มองรักจมคมฝังกลับหวังเจอ
หนึ่งห้วงปีกับชีวาตม์ที่ขาดวิ้น
เพียงแว่วยินลมครวญคนหวนเหม่อ
มองโลกร้างกลางฟ้าเป็นหน้าเธอ
นั่งละเมอเผลอไผลเจ็บในทรวงฯ
จ.รัตติกาล
หทัยครวญชวนโศกด้วยโรคเก่า
ลมแผ่วพริิ้วสยิวสั่นมิบรรเทา
ฟ้าหมองเศร้าเหงาจังหนาวครั้งใด
ราตรีกาลผ่านคืนทนกลืนเก็บ
ลมกางเล็บเหน็บทับแทบดับไข
คนเคียงข้างห่างหายเดียวดายใจ
อิงอุ่นไอใครดีราตรีเยือน
ไร้ตัวตนคนเข้าเคียงเย้าหยอก
เหมือนจับหมอกบอกแขนไม่แม้นเหมือน
คิดว่าจริงอิงซบกลับลบเลือน
ทิ้งรอยเปื้อนเตือนย้ำให้ช้ำตรม
มองดวงดาววาวใสกลับใจหม่น
มองสายชลล้นชื่นกลับขื่นขม
มองจันทราสง่าเด่นกลับเป็นปม
มองรักจมคมฝังกลับหวังเจอ
หนึ่งห้วงปีกับชีวาตม์ที่ขาดวิ้น
เพียงแว่วยินลมครวญคนหวนเหม่อ
มองโลกร้างกลางฟ้าเป็นหน้าเธอ
นั่งละเมอเผลอไผลเจ็บในทรวงฯ
จ.รัตติกาล