แสนอ้างว้าง เมื่อไกลห่าง เส้นทางเศร้า
จันทร์ดวงเก่า แสงบางเบา สองเราหวัง
นั่งเคียงคู่ เฝ้าชิดชู เมื่อเมฆบัง
แต่กลับยัง อยู่คนเดียว เปลี่ยวเอกา
แสงอาทิตย์ ที่ร้อนแรง ช่างแผดเผา
ให้หมองเศร้า เปล่าเปลี่ยว เหี่ยวเกศา
ไฟรุ่มร้อน มิเคยอ่อน ผ่อนกายา
เพียงพริบตา ก็หมองไหม้ ให้มอดลง
จันทร์เดียวดาย ก็กลับกลาย ดังคล้ายรัก
ที่หากหัก ห้ามใจไว้ ไม่ประสงค์
คนอืนมอง มิเข้าใจ พาให้งง
รักจันทร์คง ใช่กลับกลอก ไม่บอกใคร
จันทร์ดวงเก่า แสงบางเบา สองเราหวัง
นั่งเคียงคู่ เฝ้าชิดชู เมื่อเมฆบัง
แต่กลับยัง อยู่คนเดียว เปลี่ยวเอกา
แสงอาทิตย์ ที่ร้อนแรง ช่างแผดเผา
ให้หมองเศร้า เปล่าเปลี่ยว เหี่ยวเกศา
ไฟรุ่มร้อน มิเคยอ่อน ผ่อนกายา
เพียงพริบตา ก็หมองไหม้ ให้มอดลง
จันทร์เดียวดาย ก็กลับกลาย ดังคล้ายรัก
ที่หากหัก ห้ามใจไว้ ไม่ประสงค์
คนอืนมอง มิเข้าใจ พาให้งง
รักจันทร์คง ใช่กลับกลอก ไม่บอกใคร
ด้วยแสงจันทร์อันละมุนอวลอุ่นอาบ
ทอทาทาบซาบซ่านสุดหวานไหว
ด้วยสัมผัสจัดวางบนกลางใจ
แสงนวลใยไล้ลงที่ตรงทรวง
ทินกรร้อนแรงแสงไสว
ชำระใจให้สุขไร้ทุกข์หน่วง
เผาผลาญกรรมใดก่อต่อคำลวง
แต่เดือนดวงเหมือนปลุกปลอบมอบไมตรี
จันทร์เดียวดายคล้ายทระนงยืนยงหยัด
เหมือนบอกปัดขัดวอนอ้อนฉวี
เมินไม่มองปองหมายคลายอารี
เนิ่นนานปีปล่อยวาง..อย่างเดียวดาย.
ทอทาทาบซาบซ่านสุดหวานไหว
ด้วยสัมผัสจัดวางบนกลางใจ
แสงนวลใยไล้ลงที่ตรงทรวง
ทินกรร้อนแรงแสงไสว
ชำระใจให้สุขไร้ทุกข์หน่วง
เผาผลาญกรรมใดก่อต่อคำลวง
แต่เดือนดวงเหมือนปลุกปลอบมอบไมตรี
จันทร์เดียวดายคล้ายทระนงยืนยงหยัด
เหมือนบอกปัดขัดวอนอ้อนฉวี
เมินไม่มองปองหมายคลายอารี
เนิ่นนานปีปล่อยวาง..อย่างเดียวดาย.
"บ้านริมโขง"