เหมือน เส้นฟ้า กางกั้น ให้จันทร์เศร้า
เหมือน เมฆเทา บังหมด รันทดหมาง
เหมือน ดายเดียว เช่นใคร หมายจับวาง
เหมือน อ้างว้าง หนาวเหน็บ เก็บซ่อนใน
ฉัน เฝ้ามอง จันทรา บนฟ้ากว้าง
ฉัน ห่างร้าง มวลมิตร จิตหวั่นไหว
ฉัน คิดถึง ใครหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกล
ฉัน ขื่นขม ดวงใจ คลับคล้ายจันทร์
ที่ ตอ้งอยู่ อย่างเหงา แสนเปล่าเปลี่ยว
ที่ ไร้ผู้ ข้องเกี่ยว ปองเหนี่ยวฝัน
ที่ อับเฉา สิ้นแสง แห่งตะวัน
ที่ ประกาย ผ่องพรรณ คราวฉันตรม
เดียวดาย อยู่ บนโลก ที่โศกซับ
เดียวดาย กับ พ่ายแพ้ ดวงแดขม
เดียวดาย ด้วย รักร้าง อย่างซานซม
เดียวดาย ท่าม สายลม พรมพลิ้วโชย
*******
...ฉันเหมือนจันทร์ เดียวดาย ใต้ผืนฟ้า
มองนภา พาใจ คล้ายแห้งโหย
ต้องอาดูร สูญรัก ที่ฝากโปรย
ดังโสมล้า แสงโรย สิ้นเรืองรอง
...กลางนภา ฟ้าสรวง ดวงจันทร์เจ้า
ยังเงียบเหงา คราวคล้อย เป็นรอยหมอง
...กลางผืนภพ หนึ่งข้า น้ำตานอง
มีเพียงเหงา ครอบครอง นั่งมองจันทร์..
คงเป็นอีกปีหนึ่ง(หมือนทุกปี)ที่ไม่ได้ไปลอยกระทงอีก...
“สุนันยา”
เหมือนว่าเธอเดียวดายปลายฟากฟ้า
พร่ำพรรณนาพาซึ้งหนึ่งในฝัน
ระทมใจเหลือที่มีรำพัน
เธอคล้ายวันผันผ่านร้าวรานใจ
เธอหมดสุขคลุกเศร้าเหงาอ้างว้าง
มองจันทร์จางทางหมองครองหวั่นไหว
ช่างชวดชมพรหมลิขิต..ยามคิดไป
หมองหม่นไหม้กว่าจันทร์กลั้นระทม
ความอาภัพอับโชคพาโลกเศร้า
ความเงียบเหงาเงาจันทร์พลันขื่นขม
ความเดียวดายคล้ายนภาล้าคลื่นลม
ความตรอมตรมซมซานสะท้านทรวง
จันทร์เจ้าเอ๋ย กระไรเลย คนเปรยเปรียบ
เจ้าลอยเลียบล่องฟ้าฝ่าแดนสรวง
เจ้าเดียวดายด้วยจริงหรือสิ่งลวง
ใครติดบ่วงจันทร์เจ้า..ล้วนเฝ้าครวญ
พร่ำพรรณนาพาซึ้งหนึ่งในฝัน
ระทมใจเหลือที่มีรำพัน
เธอคล้ายวันผันผ่านร้าวรานใจ
เธอหมดสุขคลุกเศร้าเหงาอ้างว้าง
มองจันทร์จางทางหมองครองหวั่นไหว
ช่างชวดชมพรหมลิขิต..ยามคิดไป
หมองหม่นไหม้กว่าจันทร์กลั้นระทม
ความอาภัพอับโชคพาโลกเศร้า
ความเงียบเหงาเงาจันทร์พลันขื่นขม
ความเดียวดายคล้ายนภาล้าคลื่นลม
ความตรอมตรมซมซานสะท้านทรวง
จันทร์เจ้าเอ๋ย กระไรเลย คนเปรยเปรียบ
เจ้าลอยเลียบล่องฟ้าฝ่าแดนสรวง
เจ้าเดียวดายด้วยจริงหรือสิ่งลวง
ใครติดบ่วงจันทร์เจ้า..ล้วนเฝ้าครวญ
"บ้านริมโขง"