ฉันมองเห็นเธอเป็นดังผลึกแก้วอัญมณีมีค่า
เกินจักเปรียบเทียบประมาณกับสิ่งใดได้ในพื้นปฐพี
ทั้งโลกนี้และโลกหน้า...........................
คงจักเป็นวาสนาของฉันที่มิต้องดำรงชีพเดียวดายเปลี่ยวเปล่า
และเหน็บหนาวยามรัตติกาลอันมืดมิดเช่นนี้
เธอเอียงกายแนบข้างฉัน...............
จนหวั่นใจไหวสะท้านไปถึงก้นบึ้งของห่วงวัฏฏะแลจิตวิญญาณทั้งปวง
มันจะเป็นเช่นตลอดไปใช่ไหม........
ตลอดชั่วอันตกาลตราบนานนิรันดร์ใช่หรือเปล่า
เธอมิได้ตอบ...........................
บรรยากาศยามราตรีที่แผ่นผ้าสีนิลกาฬอันไพศาลเบื้องโพ้นช่างหนาวนัก
มิมีเสียงตอบกลับอันใดให้ได้สดับ........
เธอเอ่ยถ้อยพจนาอันไพเราะลึกซึ้งว่านี่จักเป็นรักเดียวของเธอ
ตราบเท่าเทียบที่ชีวีจักสิ้นตักษัย
เพียงวลีเท่านี่ดวงชีวีฉันก็ปลาบปลื้มชุ่มชื่นไปทั้งหฤทัยแล้ว
นับว่าเทพเจ้าแห่งโชคทรงสถิตอยู่กับเราโดยแท้.........
แม้รัติกาลค่ำคืนนี้จักไร้ซึ่งแสงแห่งชวาลา
ที่เคยประดับทั่วท้องฟ้ายามราตรีเช่นทุกวี่ทุกวัน
แต่มันก็ทำให้ฉันสุขใจยิ่งนัก
ใกล้สางแล้วกลิ่นละอองไอหมอกม่านสีขาวราวกับปุยสำลีเริ่มปรากฎ
เธอยังเคียงข้างฉันอยู่ใช่ไหม
....................................................
......................................................
............................................................
....................................................................
ใช่..........เธอตอบ
แล้วผลึกแก้วแววใสอันมีค่าเอนกอนันต์สุดที่จักพรรณนา
ก็จางหายจางหายจางหายและจางหายไป
พร้อมแสงแห่งพระอรุณยามรุ่งทิวา...............................
ฉันก็ต้องมาพบว่าตัวเองต้องอ้างว้างเอกาอีกครั้ง
เธอไม่รักษาวาจา............ปวดร้าวยิ่งนัก...............
เจ็บปวดเหลือเกิน.............
แล้วสำนึกสุดท้ายของใบหญ้าน้อยน้อยที่สิ้นหวังก็ยุติลง
พร้อมกับที่ผลึกน้ำค้างอันเป็นคู่สัญญาว่าจะรักกันก็จางหายไป
น่าสงสารยอดหญ้าเหลือเกิน
น่าสงสารยิ่งนักแลกาลชั่วปัจจุบันก็ถูกเขาเหยียบย่ำอยู่เป็นอาจินต์แล้ว
น่าสงสารเหลือเกิน
สิตางศุ์
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
22 พฤศจิกายน 2024, 02:07:PM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: ผลึกแก้ว (อ่าน 7299 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: