Re: "...เคยชิน..."
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
31 มกราคม 2025, 01:09:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: "...เคยชิน..."  (อ่าน 15341 ครั้ง)
ภู กวินท์
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 364
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 383


สนสามใบ กับใครหลายคน


« เมื่อ: 20 ตุลาคม 2011, 05:02:PM »



"ความเคยชิน"ยินชื่อนั่นคือใช่
อยากทุ่มใส่ไฟฟองเอากองสุม
เพราะมันเก่าเกินกว่าจะคว้ากุม
อยู่ในมุมมืดมาจนชาชิน

หลายดาวผ่องส่องเพ็ญอยู่เป็นเพื่อน
วันนี้เลือนลับลาจากฟ้าถิ่น
เหลือเพียงเราเฝ้าแขตาแลดิน
ไม่นานสิ้นแสงใสจะไปตาม




แบบว่า....ก็ไม่รู้สิครับ แต่ก็ตามนั้นแหละ..

   น้อยใจแถมบ่น
 



   ก่อนอื่นเลยต้องขออนุญาตท่าน ทำ มะดา ในฐานะเจ้าของกระทู้  กับ ท่าน บ้านกลอนไทย ในฐานะเจ้าของกลอน
ที่ผมจะต้องขออนุญาตเพื่อ ติ-ชม บทกลอนของท่านบ้านกลอนไทย สักเล็กน้อย  ว่าอันที่จริงนับแต่ผมเข้าเว็บนี้มา มีไม่บ่อยครั้งนัก
ที่จะได้อ่านกลอนของท่านบ้านกลอนไทย  ดังนั้นนั่นจึงอีกแรงผลักดันหนึ่งที่ทำให้ผมใคร่จะได้ยลฝีมือของท่านบ้านกลอนไทย
ซึ่งก็นับว่าไม่ผิดหวัง ในเมื่อนานๆทีมาโชว์ฝีมือย่อมจะมีดีมาอวดกัน.......ซึ่งผมจะได้เขียนไปเป็นข้อๆว่ากลอนนี้มีดีอะไร  ทำไม
ถึงต้อง ติ-ชม วิจารณ์ด้วย
   ๑.  กลอนนี้นำเอาลูกเล่นคือ กลบทอักษรสามช่วงมาใส่ในวรรคสดับทั้งสองบททำให้กลอนมีความสะดุดหูสะดุดใจ
ซึ่งการนำเอากลบทมาประยุกต์ใส่ในบทกลนั้นทำให้กลอนมีความโดดเด่นเป็นพิเศษกว่ากลอนทั่วไป
   ๒. ในกลอนรับและกลอนส่งนั้นมีการเล่นอักษร เช่น "มุมมืดมา"  "เลือนลับลา" ซึ่งการเล่นอักษรแต่ไม่มากไปจนเสียความ
นี้เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของกลอน(คือใส่ได้เท่าที่โอกาสจะอำนวยแต่ไม่ฝืนมากจนเกินไปจนผิดธรรมชาติเรียกว่ใส่แต่พอดีหรือใส่
ตามจังหวะและโอกาส)
   ๓. มีสัมผัสครบ ที่ใดที่ไม่มีสัมผัสสระก็จะพบว่ามีการสัมผัสอักษรอยู่ด้วย(เรียกว่ายังคงไว้ลายความเก๋าอยู่)
   ๔. ไม่ใช้คำฟุ่มเฟือย  คือใช้คำได้คุ้มค่าแต่ละคำแต่ละประโยคนั้นล้วนแล้วแต่มีความหมายที่ไพเราะจับใจทั้งสิ้น
ยกตัวอย่างเช่น"หลายดาวผ่องส่องเพ็ญอยู่เป็เพื่อน" เพียงแค่วรรคนี้วรรคเดียวก็อธิบายความได้หลายอย่าง เฉพาะคำว่า "หลายดาวผ่อง"
ก็กินความว่า  ดวงดาวไม่ใช่ดวงเดียวแต่ทว่าเป็นหลายดวงมีรัศมีผ่องใส  จะเห็นว่าเพียงสามคำเท่านั้นก็สื่อความหมายได้กว้างขวาง
คำต่อมาคือ  "ส่องเพ็ญ"  อาจหมายความว่า ส่องประกายเต็มดวง หรือส่องแสงคู่กับดวงจันทร์เต็มดวงก็ได้อีก คำว่า "อยู่เป็นเพื่อน"
อาจสื่อความหมายว่าอยู่เป็นเพื่อนดวงจันทร์หรืออยู่เป็นเพื่อนคน(ผู้แต่งกลอน)ก็ได้ทั้งสองทาง  ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเพียงแค่คำ ๘ คำ
เท่านั้นแต่กลับกินความหมายที่กว้างขวางลึกซึ้ง
   นอกจากนี้ก็คือวรรคต่อมา "วันนี้เลือนลับลาจากฟ้าถิ่น"  ตรงนี้ก็อีก  คำว่า"วันนี้" บอกให้ทราบว่าเป็นเวลาปัจจุบันไม่ใช่
เมื่อวานหรือวันไหน ส่วนคำว่า"เลือนลับลา"ก็คือการจากไป  มองไม่เห็นอีกต่อไป  มองไม่เห็นเหมือนเคย แล้วยังเป็นการเล่นอักษร
อีกด้วย  ส่วนคำว่า"จากฟ้าถิ่น"  นั้นบอกให้ทราบว่า จากท้องฟ้าซึ่งเป็นถิ่นที่ดาวเคยอาศัยอยู่  นอกจากจะรับสัมผัสแล้วยังแฝงด้วย
ความหมายที่ครอบคลุมทั้งหมด  นอกจากนี้แล้วในวรรคถัดๆมาหรือวรรคอื่นล้วนแล้วแต่มีความหมายในตัวทั้งสิ้น
   ๕. มีการส่งสัมผัสจากคำที่ ๕  ไปยังคำที่ ๗  ทุกวรรคตลอดทั้งสองบท  ซึ่งตรงนี้โดยส่วนตัวผมก็ชอบที่จะส่งสัมผัส
จากคำที่ ๕  ไปลงคำที่ ๗  อยู่ด้วย(แต่ส่วนมากมันจะทำไม่ได้ครบทุกวรรค)ทั้งนี้เป็นความชอบส่วนตัว
   ๖. กลอนนี้เลือกลงท้ายวรรคแรกด้วยเสียงโททั้งคู่(อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวของผมแม้ว่าในการแต่งกลอนทั่วๆไป
ผมจะไม่ค่อยมีโอกาสลงท้ายด้วยเสียงนี้นักก็ตาม)
   ๗. กลอนนี้ดีทางด้านภาษา  กระชับ ได้ใจความ  ถูกต้องตามหลักฉันทลักษณ์ของกลอนแปดและไม่ยาวยืดเยื้อจนเกินไป
(ความนิยมส่วนตัวอีกที่นิยมกลอนสั้นเพราะกลอนยาวผมขี้เกียจอ่าน  ไม่ได้หมายความว่ากลอนยาวไม่ดี)
   สรูปแล้ว กลอนนี้เป็นที่รวมของข้อดีหลายๆอย่างเท่าที่ผมพอจะนึกได้ หรืออาจจะมีข้อดีอื่นๆแต่ผมไม่ทราบก็เป็นได้
ผิดถูกยังไงผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

                                 ช่วงนี้ไม่ว่าง
                              ๒๐  ตุลาคม  ๒๕๕๔
   










....ตามที่ท่าน "ช่วงนี้ไม่ว่าง" กล่าวมานั่นแหล่ะครับ นานๆมาที ไม่เคยทำให้ผิดหวังสำหรับ ท่าน"บ้านกลอนไทย" หรือ "นะโม" หนุ่มหล่อ ของเรานี่เอง ...มาบ่อยๆสิ หลายคนเขาคิดถึง...ติดตามผลงานอยู่เสมอ....

....ส่วนท่าน "ช่วงนี้ไม่ว่าง" (ไม่รู้ว่าช่วงไหนว่างมั่ง หุหุ)...ได้แจกแจงมาโดยละเอียดนั้น นับว่าดีเลยทีเดียว ได้ความรู้มากมายท่าน เป็นประโยชน์ในการแต่งกลอน ของข้าพเจ้า และอีกหลายๆคนเลยทีเดียว ขอบคุณท่านมาก!...


....ด้วยจิตคารวะ

....ทำ มะดา...

 เคารพรัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

สะเลเต, ..กุสุมา.., --ณัชชา--, ช่วงนี้ไม่ว่าง, รัตนาวดี, ♥หทัยกาญจน์♥, รพีกาญจน์, บ้านกลอนไทย, Music, ไม่รู้ใจ, อริญชย์, รัตติกาล, พี.พูนสุข

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s