ขอแจมด้วยครับงานปี 52 เป็นกลอนเจ็ด แล้วใช้กลอนหกเชื่อมเข้าหากาพย์ยานี 11
ถ่วงน้ำ
๑.โอมอ่านบาลีจับผีร้าย
คุมขังนางพรายด้วยสายสิญจน์
เดือนดับอับดาว..ค้างคาวบิน
หม้อดินปิดฝาตรึงผ้ายันต์
เลือกที่เพื่อถ่วงลงห้วงน้ำ
พายจ้ำคืนเปลี่ยวอย่างเสียวขวัญ
เสียงนก..กุกกุก..ขนลุกชัน
เงียบงันยินเพียงเสียงหัวใจ
ถึงบึงมืดเห็นน้ำเย็นลึก
รู้สึกเสียงเหมือนใครเคลื่อนไหว
หรือหม้อดินนั้นจะบรรลัย
จุดไต้มองหา..เบิกตาโพลง
หม้อแตกยันต์หล่นอยู่บนกราบ
ใจวาบวูบหาย..ซิตายโหง
เรือเอนเอียงกลับเหมือนจับโคลง
คุ้งโล่งโค้งเปลี่ยวน้ำเชี่ยวนัก
ร่ายมนต์วนเลขเสกคาถา
หลับตานิ่งนึกเจอศึกหนัก
หยิบกุมารองค์ที่ลงรัก
มึงยังรู้จักกูน้อยไป
หยิบโยนกุมารด้วยญาณกล้า
คาถาเสกทับกำกับไว้
กุมารทองแคล่วคล่องว่องไว
โถมใส่ผีห่าซาตาน
๒.ฟ้าแลบปลาบแปลบฟ้า
ล้วนฤทธาปาฏิหาริย์
กระแทกก็แหลกลาญ
กุมารน้อยก็ย่อยยับ
เสกควายธนูขลัง
ภาษาฟังไม่ได้ศัพท์
หุ่นควายก็หายวับ
แล้วโลดเต้นกลายเป็นควาย
กล้าแกร่งตาแดงกล่ำ
วิ่งถลำจะทำร้าย
ฤทธีแห่งผีพราย
กลับเข้มแข็งกว่าแรงชน
มิพ่ายแม้ควายแพ้
เพราะเพียงแค่ข้าเริ่มต้น
กอบทรายแล้วร่ายมนต์
แล้วซัดซ่าเป็นห่าไฟ
นางร้องอย่างร้อนเร่า
เปลวเพลิงเข้ามาเผาไหม้
หมอทรามก็ย่ามใจ
ล้วงมีดมาลงอาคม
เงื้อพร้านัยน์ตาเดือด
กูจะเชือดให้สาสม
กดกรีดจนมีดจม
อย่าเกิดดับชั่วกัปกัลป์
เชือกป่านปราบมารร้าย
ลงมนต์ร่ายมัดปลายขวั้น
มัดผีไม่มีวัน-
หลุดพ้นพันธนาการ
วางย่ามย่างสามขุม
เหงื่อมือชุ่มกุมเชือกป่าน
เรือโคลงจึงลงคลาน
ลมกรรโชกมาโยกเรือ
ใจฝ่อมีดหมอหล่น
จึงเสื่อมมนต์จะป่นเหยื่อ
เพลิงกรดก็หมดเชื้อ
คงเหลือร่างแต่นางพราย
ผีร้ายจับปลายเชือก
หมอตาเหลือกกระเสือกส่าย
รวบมัดมือรัดกาย
หมอหมดสิ้นแรงดิ้นรน
เรือล่มเพราะลมกล้า
หมอชราตาถลน
แพ้พ่ายเพราะภัยตน
ค่อยถูกถ่วงลงห้วงลึก…..
๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๑
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
23 พฤศจิกายน 2024, 02:37:AM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: จอมขมังเวทย์ (อ่าน 12208 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: