ดาวอาจถูกกลบ ลบด้วยเมฆ
ฝนอาจถูกเสก ให้น้ำไหล
แต่ยังไม่เท่า กับน้ำใจ
ที่มันยิ่งใหญ่ เสมอมา
กร้านเกรียมเกลื่อนก่น มองบนดิน
มีแต่หนี้สิน อยู่เต็มหน้า
เมื่อข้าวไม่มี อยู่ในนา
มีแต่น้ำตา หลั่งมาแทน
เพียงเสียงร้องพร่ำ ระกำกลืน
เขื่อนที่ล้มครืน มันข้นแค่น
ลมฟ้าอากาศ ไม่ขาดแคลน
อกสั่นขวัญแขวน แสนระบม
ท่ามกลางพายุ มัจจุราช
สุดความสามารถ ไม่อาจข่ม
เพียงแต่น้ำใจ ไม่ไหลจม
ช่วยกันผสม อย่างกลมเกลียว
อีกฝากฝั่งถึง สะพานดาว
ผ่านความเหน็บหนาว เมื่อคราวเปลี่ยว
ใช่เธอหมองหม่น อยู่คนเดียว
พ้นจากน้ำเชี่ยว สุดเรี่ยวแรง!
.......................
ทำ มะ ดา
ฟ้าฝนหล่นร่วง บ่วงกระทบ
ประชาประสบ พบทุกข์แจ้ง
ฟ้าดลบันดาล ผลาญแสดง
โปรายปรายคล้ายแช่ง แกล้งผองชน
ท่วมนาเอ่อนอง สองคุ้งน้ำ
ฝนโรยระกำ ซ้ำใจหม่น
ฤดูเก็บเจ็บจิต คิดเจียนจน
ก่อเกิดเป็นคน ทนเรื่อยไป
คนเดินบนดิน ถวิลฟ้า
เมฆฝนหมอกหนา คราหลับไหล
ตื่นเช้าเที่ยงบ้าง มิห่างไกล
วอนฟ้าเห็นใจ ในประชา
พายุกระหน่ำ น้ำเซซัด
ฝนโปรยปรายจัด พัดเรือนข้า
น้ำรินไหลหลาก พรากสองตา
ฝนเอยฟากฟ้า มาทำลาย
หากสะพานดาว ที่พราวพร่าง
วานบอกฟ้าสาง กระจ่างหาย
ให้เมฆหมอกเคลื่อน เลื่อนมลาย
ก่อนฝันสลาย ตายจากกัน
หทัยกาญจน์