Re: จะแต่งกลอนอย่างไรให้ไพเราะ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 พฤศจิกายน 2024, 12:29:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: จะแต่งกลอนอย่างไรให้ไพเราะ  (อ่าน 12534 ครั้ง)
yaguza
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 1567
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,308


**ยากูซ่า บ้าไม่เลือกที่**


« เมื่อ: 02 ตุลาคม 2011, 06:58:PM »

ณ เนินกว้างทางไหนก็ไม้ดอก
ที่ผลิออกอวดชูเต็มภูเขา
แดดเช้าฉายไม้ช่อจึงก่อเงา
สายลมเบาโบกคว้างอยู่กลางดิน

เขาเงยหน้าตาหลับสดับเสียง
แม้แผ่วเพียงลมพัดสัมผัสหิน
แม้เสียงปีกกำดัดนกหัดบิน
และได้ยินคำบอกของหมอกโปรย

ภารกิจอยู่ยังอีกฝั่งฟาก
เธออาจฝากข่าวไปหากไห้โหย
ลมวสันต์กรรโชกจะโบกโบย
เขารู้โดยยินแค่กระแสลม

แม้มิใช่มนุษย์คนสุดท้าย
เขายอมตายไม่พร้อมจะยอมล้ม
มีความฝันวันตื่นไว้ชื่นชม
ไม่ยอมก้มศีรษะต่อชะตา

ในท้องน้ำค่ำไหนคงไม่ต่าง
ทุกเดินทางคำตอบคือขอบฟ้า
คงมีเรื่องเล่าฝากจากปากกา
จะกลับมาสวมกอดเมื่อจอดเรือ

“..จงเข้มแข็งเพื่อฉันอย่าหันหลัง
หากเธอยังเชื่อมั่นเหมือนฉันเชื่อ
หวั่นศรัทธาถอยห่างจนจางเจือ
อย่าน้อยเนื้อต่ำใจยามไกลจร

ถ้าใจน้อยบ่อยครั้งจะฝังราก
จนลึกมากเกินหยั่งหรือรั้งถอน
ถ้าคิดถึงทุกคราวก่อนเข้านอน
ก็ยากคลอนใจคลายให้หน่ายกัน

แหวนดอกไม้วงน้อยดูด้อยค่า
สวมเถิดถ้าวันหนึ่งคิดถึงฉัน
อาจเก็บไว้ใส่ตลับคอยนับวัน
อย่าปล่อยมันทิ้งขว้างลงกลางทราย

แหวนที่มือหยาบกร้านฉันสานจีบ
ทุกก้านกลีบมาลีมีความหมาย
มีสุขทุกข์เจ็บปวดเป็นลวดลาย
ขมวดปลายเป็นขดแทนอดทน

หวังหนาวหน้าฝ่าคลื่นมายืนคู่
ฝ่าฤดูมรสุมและกลุ่มฝน
ผ่านวันล่วงเลยล่องเราสองคน
คงข้ามพ้นความเหงาแห่งเยาว์วัย

จะเรียนรู้ใจกันเมื่อวันห่าง
ระยะทางเปลี่ยนแปรเราแค่ไหน
ฉันจะยังคงรอเธอก่อไฟ
โปรดอย่าให้ไฟสรวงนั้นร่วงลง

ทะเลค่ำน้ำเค็มไร้เข็มทิศ
เมื่อมืดมิดเรือน้อยคงลอยหลง
ถ้าแสงสรวงดวงนั้นยังมั่นคง
ก็โปรดจงส่องสว่างนำทางเรือ

ฉันจะรอดาวรุ้งจนรุ่งฟ้า
นำนาวาเดินทางด้วยหางเสือ
หวั่นเขม่าเร้ารุมจนคลุมเครือ
อาจเป็นเหยื่อมัจฉาให้ปลากิน

ฉันจะใช้การกระทำแทนคำพูด
บทพิสูจน์ชายชาญคืองานหิน
เมื่อภาระผ่านพ้นไร้มลทิน
นกขมิ้นอาภัพจะกลับรัง….”
........................................

แล้วเรือลำน้อยน้อยก็ลอยล่อง
สู่ห้วงท้องธารพรากไปจากฝั่ง
เธอยืนมองท้องน้ำตามลำพัง
ก่อนจะหลั่งน้ำตาอย่างล้าแรง

จึงจับแหวนดอกไม้ที่ไร้ค่า
เคยสัญญากับเขาจะเข้มแข็ง
กลับผิดคำสัญญาสองตาแดง
กลายเป็นแอ่งหยดน้ำแทนคำลา

เพียงหวังการเดินทางใช่ลางร้าย
ยังคาดหมายพบกันในวันหน้า
แลเรือน้อยลอยลับไปกับตา
ขณะฟ้าจรดน้ำเริ่มค่ำลง………..

ฤทธิ์ ศรีดวง

สวัสดีครับ ครูฤทธิ์ ผมเป็นแฟนพันธ์แท้ของครู มาโดยตลอดผมเก็บผลงานของครูทุกชิ้นที่ลงไว้ในไทยโพ ผลงานของครูที่ลงไว้ลงไว้ชิ้นสุดท้าย...คืนนั้นที่ลานไผ่ แล้วก็เงียบหายไปเลย ยังรอติดตามผลงานของครูอยู่นะครับ...อ้อผมพยายามเอากลอนของครู มาเป็นแนว แต่ฝีมือยังห่างชั้นมากเลยครับ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

Music, --ณัชชา--, ♥หทัยกาญจน์♥, รพีกาญจน์, กามนิต, บ้านริมโขง, ดาว อาชาไนย, Prapacarn ❀, พี.พูนสุข, dekdek

ข้อความนี้ มี 10 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า


Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s