กำเนิดปีศาจ
....................
แสงสลัวลมแผ่วแว่วสายฝน
ขับเน้นจนเงียบฉี่ตอนตีสอง
กลางซอยแคบแถบเมืองอันเรืองรอง
ตาจดจ้องประตู, อยู่ผู้เดียว
ใช้ไขควงเจาะอัดเข้างัดแงะ
ค่อยค่อยแซะประตูดูเฉลียว
ในลานวัดเสียงขรมระงมเชียว
หมาหอนเกรียวกราวกราด, ไม่หวาดกลัว
ขึ้นไปบนหอระฆังกำลังสุด
ตาสะดุดทองเหลืองอยู่เยื้องหัว
ใช้คีบตัดโซ่ขาดอุ้มพาดตัว
ยิ้มเย้ยยั่วชั่วต่ำ, เพราะทำเลว
ขณะที่ก้าวลงบรรจงจับ
ถูกงูงับฉกจริงกลิ้งลงเหว
เสียงระฆังดังแตกกระแทกเอว
ร่างแหลกเหลวโรยริน, เกือบสิ้นใจ
ทั้งเณร, พระ แตกตื่นในคืนดึก
ใครตกตึกหอระฆังดังหวั่นไหว
รีบเรียกรถพยาบาลประสานไว
เลือดยังไหลเป็นทาง, อย่างโดดเดี่ยว!
.
เห็นแสงไฟหัวเตียงเพียงหริบหรี่
กระทบที่ดวงตาเวลาเหลียว
ผ้าพันอกปกปิดอยู่นิดเดียว
หน้าซีดเซียวเขียวคล้ำ, ถึงลำคอ
ลมหายใจแห้งแหบแทบขาดช่วง
นัยน์ตากลวงร่วงโรยโอดโอยขอ
เอ็นปูดโปนเจียนหลุดผุดเป็นตอ
นิ้วหงิกงอพอสั่น, เกือบกลั้นใจ
ริมฝีปากบางเฉียบเหมือนเยียบหนาว
เหม็นกลิ่นคาวห้องอับขยับไหว
สัมผัสถึงความกลัวติดตัวไป
ซุกซ่อนในแขนขา, ออกอาการ
หอบหายใจอย่างแรงตะแคงพื้น
ผลักตัวยืนเหยียดตึงถึงตระหง่าน
เซถลาล้มลุกจนคลุกคลาน
ทรมานหวั่นหวาด, ขยาดกลัว
ได้เพียงเหม่อมองผ่านออกด้านนอก
เป็นเนื้องอกหรือไม่อยู่ในหัว
เอามือกุมหน้าผากลำบากตัว
มันพร่ามัวติดขัด, บีบรัดมา
กัดฟันครางเคลียคลอจนพอรู้
เราเป็นผู้ทดลองต้องรักษา
ก่อนล้มตัวหันกลับแล้วหลับตา
เข็มฉีดยาจ่อปาก, ฉากสำคัญ
จวบจนถึงรุ่งสางสายยางช่วย
จับผู้ป่วย รีบทำ พร้อมห้ำหั่น
การทดลองไม่คิดติดต่อกัน
พอพูดจบก็หัน มันตายแล้ว !
.
ชายในชุดเสื้อกาวน์สีขาวขุ่น
อารมณ์ฉุนอิดออดขว้างหลอดแก้ว
นามด๊อกเตอร์ดีกรีผู้มีแวว
บันทึกแนวทดลอง, ยืนมองยา
จับเอาคนใกล้ตายร่างกายดิ้น
ทดลองชิ้นเนื้อเยื่อเผื่อรักษา
ฉีดใส่เนื้อสมองลองวิชา
แต่มันกับไม่ลืมตา, น่าเสียดาย
เอาไปฝัง! เสียงดังเมื่อฟังชัด
ปฏิบัติทันทีไม่หนีหาย
แบกเอาศพอีกหนของคนตาย
ซุกไว้ท้ายของรถ, แล้วขับไป
อาคารร้างข้างทางกลางซอยเปลี่ยว
รถก็เลี้ยวเสร็จสรรพดับเคลื่อนไหว
แล้วขุดหลุมฝังศพกลบอย่างไว
ทิ้งหนอนให้ชอนไช, อยู่ในดิน !
..
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต