ร่ำเมรัย ใต้เงาจันทร์ ต้องทัณฑ์โทษ
ฟ้าพิโรธ นั่งโขดเขิน กลางเนินไผ่
มือขีดหิน รินกลอนกล ถึงคนไกล
เหตุไฉน ใจแสนดำ อำมหิต
ดื่มจอกหนึ่ง ถึงบุตร คนสุดท้อง
ดื่มจอกสอง น้องเพื่อน เตือนการกิจ
ดื่มจอกสาม ยามเย็น เช่นชมชิด
ก้นไหติด ยกดื่ม ลืมจิตตน
จอกหลุดไป ไหกลิ้ง ทิ้งความเงียบ
โศกเศร้าเสียบ มืดพลัน พระจันทร์หม่น
ลมพัดวูบ ลูบไล้ ไผ่เอนโอน
เหลือซากคน ซูบเซียว โดดเดียวดาย
ฟ้าพิโรธ นั่งโขดเขิน กลางเนินไผ่
มือขีดหิน รินกลอนกล ถึงคนไกล
เหตุไฉน ใจแสนดำ อำมหิต
ดื่มจอกหนึ่ง ถึงบุตร คนสุดท้อง
ดื่มจอกสอง น้องเพื่อน เตือนการกิจ
ดื่มจอกสาม ยามเย็น เช่นชมชิด
ก้นไหติด ยกดื่ม ลืมจิตตน
จอกหลุดไป ไหกลิ้ง ทิ้งความเงียบ
โศกเศร้าเสียบ มืดพลัน พระจันทร์หม่น
ลมพัดวูบ ลูบไล้ ไผ่เอนโอน
เหลือซากคน ซูบเซียว โดดเดียวดาย
ร่างระโหย โอยอ่อน นอนแน่นิ่ง
เรไรหริ่ง จันทร์ดาว ราวสหาย
คอยประโคม โลมลูบ จูบทั่วกาย
มีพระพาย ชายผิว โฉบฉิวเยือน
เหล้ากระฉอก จอกหลุด สะดุดพื้น
แข็งตัวฝืน ยืนร่าง หว่างไพรเถื่อน
ก้มลงหยิบ คีบจอก ออกเลอะเลือน
มือแปดเปื้อน สกนธ์ คราบโคลนดำ
ไร้สุรา อ้าปาก อยากแทบดิ้น
คงถึงสิ้น ชีวา บอกลาร่ำ
อย่ามึนงง หลงเชื่อ ในเนื้อคำ
พล่อยเพ้อพร่ำ คิดถึง รักซึ้งทรวง
รพีกาญจน์ 59