ไม่มีจิต จะคิดโกรธ หรือโทษเธอ
เราต่างคน ก็ต่างเผลอ เธอว่าไหม
ที่ทะเลาะ และเบาะแว้ง ขัดแย้งใจ
เหตุอันใด ที่ไหนเล่า เข้าบันดาล
เราก็ต่าง อ้างงอารมณ์ เหลือข่มวูบ
จึงฝากรูป ร้าวร่องรอย คล้อยจางหวาน
เป็นขื่นขม ระทมทุกข์ เข้าคลุกมาน
บ่อนวิญญาณ เข้าผลาญพร่า รักราโรย
ที่เอ่ยออก บอกเลิกฉัน ในวันเก่า
ทั้งสองเรา ต่างเศร้าใจ ร่ำไห้โหย
แต่ถือที่ มีไฟโกรธ ดังโทษโบย
ให้โอดโอย โปรยความทุกข์ รุกล้ำทรวง
ทิ้งแหวนหมั้น กลั้นน้ำตา เอ่ยลาจาก
ทั้งไม่อยาก จะจากลา น้ำตาร่วง
ต้องแยกทาง แล้วห่างกัน สุดหันทวง
รักที่เคย เอ่ยว่าหวง จ้วงจากลา
มาวันนี้ กลับมีใจ ใคร่คืนย้อน
ทรวงสะท้อน ด้วยอ่อนแรง แห่งโหยหา
ทั้งเธอฉัน ในวันนี้ มีน้ำตา
ยากจะคว้า วันและคืน มาชื่นจินต์
หากประสงค์ ใจตรงกัน เหมือนวันเก่า
ขอย้อนคืน รักชื่นเรา เฝ้าถวิล
ให้กลับหวน ทวนกลับมา กลบราคิน
ใจฉันนี้ ก็ยลยิน คืนถิ่นเดิม
สัมผัสรัก สลักตรึง ซึ่งโหยหา
ทุกทิวา และราตรี มีใจเสริม
คืนกลับสู่ ผู้ใฝ่ฝัน รักหมั่นเติม
เพื่อพูนเพิ่ม แนบสนิท นิจนิรันดร์
เหมือนฟ้าหม่น เมื่อฝนมา ฟ้าคลุ้มคลั่ง
อสนีบาต ฟาดดังดัง หลั่งวสันต์
ครั้นผ่านพ้น เมื่อฝนซา ล้าโลมรัน
ฟากฟ้านั้น พลันกระจ่าง สว่างคืน
ชีวิตคน บนความทุกข์ ทั้งสุขแทรก
คงไม่แปลก มากเกินไป หากใจฝืน
มีขื่นขม ผสมสุข และทุกข์กลืน
มีเจ็บช้ำ มีฉ่ำชื่น ใช่ยืนยง
ไม่มีจิต คิดจะโกรธ หรือโทษเธอ
แต่ว่ายัง รักเสมอ เพ้อเลือนหลง
หวังวันนี้ มีเธอฉัน รักมั่นคง
และจะรัก อย่างซื่อตรง ปลงหัวใจ
สรูปว่า กลับมาดี มีความสุข
เปลื้องหม่นทุกข์ คราครั้งก่อน เคยอ่อนไหว
ด้วยรอยรัก แหน่นหนักเหลือ พร้อมเยื่อใย
และจะรัก ตลอดไป นานเท่านาน