กุสะลา ธัมมา หลวงตามาก
มุบมิบปากเรื่อยไปไม่เปล่งเสียง
เอาตาลปัตรบังนั่งคอเอียง
บวชได้เพียงกึ่งเดือนยังเลือนเลอะ
แค่ ยะถา/สัพพี ยังมีมั่ว
นี่ให้รัวมาติกา ยิ่งพาเปรอะ
ดูสิให้มานั่งโยมตั้งเยอะ
ยิ่งคิดก็ยิ่งเคอะ..ยิ่งอายโยม
ค่อยค่อยแอบมองแนวแถวโยมญาติ
สกุลชาติล้วนแต่แจ่มแฉล้มโฉม
แต่เจ้าภาพแถวหน้าดูท่าโทรม
นั่งหัวโน้มเอนลงส่งเสียงกรน
นั่นคุณนายคุณหญิงพริ้งสง่า
เพลินนินทาเสียงดังฟังสัีบสน
ต่างล้วนทำไปตามจริตตน
ไม่มีคนสนใจในกุสลา
จบพร่ำคำคาถาโล่งสมอง
เอื้อมรับซองเสร็จสรรพขยับขา
หลวงตามากพ้นจากศาลามา
ก็บ่ายหน้ามุ่งสู่กุฎีตน
เดินผ่านทางข้างเมรุเหม็นเน่าเน่า
ตายแล้วเขาเล่าใครจะไปสน
จับร่างใส่ไฟฟอนไม่ร้อนรน
หนีไม่พ้นอนิจจังสังขารา
ลงกลอนประตูกุฏิเร่งรุดก้ม
เสียบปลั๊กต้มน้ำร้อนก่อนล่ะหนา
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติวัตรหลวงตา
ซดมาม่าร้อนร้อนก่อนจำวัด.....
มุบมิบปากเรื่อยไปไม่เปล่งเสียง
เอาตาลปัตรบังนั่งคอเอียง
บวชได้เพียงกึ่งเดือนยังเลือนเลอะ
แค่ ยะถา/สัพพี ยังมีมั่ว
นี่ให้รัวมาติกา ยิ่งพาเปรอะ
ดูสิให้มานั่งโยมตั้งเยอะ
ยิ่งคิดก็ยิ่งเคอะ..ยิ่งอายโยม
ค่อยค่อยแอบมองแนวแถวโยมญาติ
สกุลชาติล้วนแต่แจ่มแฉล้มโฉม
แต่เจ้าภาพแถวหน้าดูท่าโทรม
นั่งหัวโน้มเอนลงส่งเสียงกรน
นั่นคุณนายคุณหญิงพริ้งสง่า
เพลินนินทาเสียงดังฟังสัีบสน
ต่างล้วนทำไปตามจริตตน
ไม่มีคนสนใจในกุสลา
จบพร่ำคำคาถาโล่งสมอง
เอื้อมรับซองเสร็จสรรพขยับขา
หลวงตามากพ้นจากศาลามา
ก็บ่ายหน้ามุ่งสู่กุฎีตน
เดินผ่านทางข้างเมรุเหม็นเน่าเน่า
ตายแล้วเขาเล่าใครจะไปสน
จับร่างใส่ไฟฟอนไม่ร้อนรน
หนีไม่พ้นอนิจจังสังขารา
ลงกลอนประตูกุฏิเร่งรุดก้ม
เสียบปลั๊กต้มน้ำร้อนก่อนล่ะหนา
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติวัตรหลวงตา
ซดมาม่าร้อนร้อนก่อนจำวัด.....
อยู่ในโลงเล่นบีบีที่ญาติให้
กลิ่นมาม่าหรือไวไว...ให้หิวจัด
แสนยั่วยวนน้ำลายใจชมัด
นอนอึดอัดในโลง...โก่งตัวนอน
แง้มฝาโลงมองซ้ายขวาเพื่อหากลิ่น
อยากจะกินมาม่า...แต่หมามันหอน
ที่ศาลาสวดนั้นเขาลั่นกลอน
จำต้องถอนสลัก..แอบย่องเบา
เดินอย่างงามสง่าท่านางแบบ
จำต้องแอบหลบหมา..ถ้าเห็นเข้า
เรื่องจะยาวยุ่งยากหากเห็นเรา
เบื่อเสียงเห่าวุ่นวายไม่อยากฟัง
ถึงกุฎิแอบดูจึงรู้ว่า
ถ้วยมาม่านอนสบายอยู่ในถัง
จึงแอบกลืนน้ำลายเสียดายจัง
มาม่าตั้งหลายถ้วย...ซวยอดกิน..
---สะเลเต---