" เฒ่าชรา..อาภัพ "
กลางพงไพรไกลลิบหลายสิบโยชน์
ยังมีไร่ข้าวโพดคนโจษขาน
เฒ่าชราอาภัพตกอับนาน
ใกล้วายปราณมานดับลับวิญญาณ์
ปลูกต้นไผ่ไว้กินยามสิ้นเนื้อ
ข้าวโพดไม่มีเหลือเมื่อสังขาร์
เดินมิไหวใกล้สิ้นกลิ่นโรคา
ก็โหมเร้าเข้ามาน่าน้อยใจ
เมื่อก่อนนั้นภรรยายังมิสิ้น
ช่วยทำมาหากินถิ่นอาศัย
ณ วันนี้ปีเคลื่อนเลื่อนจากไกล
เธอมลายหายไปใจทุกข์ทน
น้ำตาคลอจ่อเบ้าเศร้ารันทด
ซึมสลดหมดหวังสังขารหม่น
เป็นเพียงร่างว่างไร้ไม่เหมือนคน
เหมือนเศษหินดินป่นหม่นฤทัย
เฒ่าเพ้อพร่ำคร่ำครวญหวนความเหงา
ทำอกเศร้าเคล้าจิตชิวิตไหม้
คิดถึงเมียเสียดายมลายไป
จึงอาลัยไห้หาระอาครวญ
กลางพงไพรไกลลิบหลายสิบโยชน์
ยังมีไร่ข้าวโพดคนโจษขาน
เฒ่าชราอาภัพตกอับนาน
ใกล้วายปราณมานดับลับวิญญาณ์
ปลูกต้นไผ่ไว้กินยามสิ้นเนื้อ
ข้าวโพดไม่มีเหลือเมื่อสังขาร์
เดินมิไหวใกล้สิ้นกลิ่นโรคา
ก็โหมเร้าเข้ามาน่าน้อยใจ
เมื่อก่อนนั้นภรรยายังมิสิ้น
ช่วยทำมาหากินถิ่นอาศัย
ณ วันนี้ปีเคลื่อนเลื่อนจากไกล
เธอมลายหายไปใจทุกข์ทน
น้ำตาคลอจ่อเบ้าเศร้ารันทด
ซึมสลดหมดหวังสังขารหม่น
เป็นเพียงร่างว่างไร้ไม่เหมือนคน
เหมือนเศษหินดินป่นหม่นฤทัย
เฒ่าเพ้อพร่ำคร่ำครวญหวนความเหงา
ทำอกเศร้าเคล้าจิตชิวิตไหม้
คิดถึงเมียเสียดายมลายไป
จึงอาลัยไห้หาระอาครวญ
บัณฑิตเมืองสิงห์