"ฟ้าแปรผัน"
เดือนดารานภากว้างมิสร่างแสง
สาดแสดงแจ้งฟ้านภาหาว
ระยิบยับสลับพร่าประภาพราว
วับแวววาวดาวลดามาแสดง
จันทราเคลื่อนเลื่อนโค้งลอยโด่งเด่น
นภาเย็นเห็นเพ็ญแขแผ่พรายแสง
ริ้วเมฆามาเยือนเคลื่อนทะแยง
คงหม่นแรงถ้าแผงฟ้าเมฆากลืน
ลมกรรโชกโบกสะบัดพัดลอยลิ่ว
เสียงหวีดหวิวกิ่วหวลครวญสะอื่น
แว่วเสียงซ่าฟ้าคนองร้องครืนครืน
เมฆดาษดื่นลอยรื่นกลืนนภา
ฟ้ามืดลงดงเมฆผินนวลนิลจับ
ดาวเดือนดับลับแรงแฝงเวหา
พิรุณโปรยโรยรินลงดินมา
นองผืนหญ้าฟ้าร่ำกระหน่ำพรม
อัคนีทวีฤทธิ์สถิตฟ้า
รอเวลาจ้าประทุประจุบ่ม
ชลาสินธุ์รินหลั่งสองฝั่งจม
ดินถล่มทะลายลงสายธาร
สายวิชุคุแสงสำแดงเดช
สะเทือนเขตเขย่าโยกโลกสะท้าน
ทะนงฤทธิ์บิดเวหาป่าแหลกลาญ
อัคคีผลาญพล่านผ่านใดคุไฟโชน
อัคคีคลั่งหลั่งโหมเลียโลมมั่ว
หมองควั่นมัวทั่วทิศไหม้ไฟไกลโพ้น
เพลิงพิฆาตวาดสยายกลายกระโจน
พะเพลิงโหนโอนไหวไพนา
พสุธาล้าหม่นรอฝนหลั่ง
เพื่อยีนหยั่งครั้งใหม่ให้รักษา
เพื่อหยั่งยืนตื่นใหม่ให้ศรัทธา
แผ่เมตตาพาผืนป่าเสียดฟ้างาม
พิรุณพรำฉ่ำนองกองเศษซาก
รอยแผลฝากจากผืนฟ้าท้าเย้ยหยาม
อัคคีคลั่งดั่งทโมนกะโจนตาม
ภัยคุกคามตามฤทธิ์ธาฟ้าเลือดเย็น
ต้นออนหญ้ากล้างอกออกดอกอ่อน
ดีสะท้อนอ้อนลมปมเป็นเส้น
ปลิวใบหญ้ากล้าน้อยคล้อยกะเด็น
ลมล้อเล่นรอคืนวันคืนฝันเดิม
ไพรพนาหย้ารกปรกทั่วทิศ
คืนชีวิตสถิตป่าธาราเสริม
หญ้าเขียวสดสองข้างฝั่งหยั่งต่อเติม
ผืนป่าเพิ่มเริ่มตื่นฟื้นกลับมา
จ.รัตติกาล