คารวะท่าน ช่ออักษราลี
ราวมณีมีไว้ให้ดื่มด่ำ
พจน์อ่าองค์ทรงเสียงเพียงลำนำ
ก็เพ้อพร่ำฉ่ำชื่น, สะอื้นตาม
คารวะท่าน ตุลาทิตย์ สถิตเสียง
ภาษาเรียงจนชุ่มไม่บุ่มบ่าม
เย็นถ้อยคำพอเพียงจำเรียงงาม
ทุกโมงยามเอิบอิ่ม, เมื่อลิ้มลอง
คารวะท่าน ปัญจ์-นารา ผู้อาทร
ด้วยสุนทรอิ่มโอษฐ์โสตสนอง
เก็บซ่อนสุขทุกคำท่วงทำนอง
ดั่งครอบครองอารมณ์, จากคมเคียว
คารวะท่าน ธาตรีรติกานท์
พจมานเงียบเหงาดูเปล่าเปลี่ยว
แต่อารมณ์ไม่นิ่งเสียจริงเชียว
ฝากคมเขี้ยวหยดหยาด, วาดกวี
คารวะท่าน sunanya อุราร้าว
กลอนของสาวเจ้าหม่นบ่นอยากหนี
กลัวใจชายมากมายหมายย่ำยี
รสวจีเศร้าทุกข์, สนุกปน
คารวะท่าน Dewada บนฟ้าใส
แกร่งกล้าในทำนองที่หมองหม่น
ด้วยจิตใจไม่กลัวในตัวตน
สร้างสรรค์ชนบนงาน, ผ่านความจริง
คารวะท่าน amika29
ลบความเศร้าเข้าปลุกอยู่ทุกสิ่ง
เล่าเรื่องราวมาแนบให้แอบอิง
ได้พิ่งพิงสาระ, งานประพันธ์
คารวะท่าน คันไถ อยู่ในสวน
การชี้ชวนตรงโน้นกระโจนฝัน
ถ้อยลีลาสามารถเข้าฟาดฟัน
สุขไหนกันก็ไม่เท่า, เคล้ากวี
คารวะท่าน จ.รัตติกาล ประมาณอยู่
ไม่หดหู่ผ่านพบการหลบหนี
ได้พบเห็นคุณค่าทุกนาที
จากงานที่ลิขิต, คอยติดตาม
คารวะท่าน ปุถุชน ฅนธรรมดา
ปรารถนาสิ่งใดขอไถ่ถาม
ทุกสำเนียงเชื่อมโยงถึงโมงยาม
จนวาบหวามดื่มด่ำ, ชื่นฉ่ำใจ
คารวะท่าน คนกันเอง ในเพลงซึ้ง
หวานคะนึงถึงทรวงห่วงหวั่นไหว
เวลาเศร้าเฝ้าปลงหลงคิดไป
เกิดขึ้นในมโณภาพ, จนอาบทรวง
คารวะท่าน ต้นก้ามปู ผู้สรรค์สร้าง
เข้าจัดวางถ้อยถักที่หนักหน่วง
ในคืนค่ำดาวเด่นเห็นเป็นดวง
ท้าทายห้วงรู้สึก, สำนึกตน
คารวะท่าน คอนพูทน คนภูธร
เสกสรรกลอนล้ำเลิศประเสริฐล้น
เอ่ยก้องกาพย์อาบเดชดั่งเวทมนต์
กล่อมบันดล กลบท, กำหนดมา
คารวะท่าน ..สะเลเต..เวลาเหงา
บทกลอนเศร้าพร่ำเพ้อละเมอหา
เวลาสุขสนุกทุกอุรา
สมศักดาเพชรพลอย, เรื่องร้อยกรอง
คารวะท่าน วลีลักษณา ภาษาสวย
งดงามด้วยพิสุทธิ์อันผุดผ่อง
แสงวับวาวพราวโชติโรจน์เรืองรอง
ท่วงทำนองพลิ้วไหว, ในสายลม
คารวะท่าน คนเผาถ่าน จากงานเขียน
มาติเตียนให้ตื่นอย่าขื่นขม
ด้วยสำเนียงเสียงเพราะเหมาะอารมณ์
ที่ตรอมตรมถมทับ, ได้กลับคืน
คารวะท่าน กัลมลี* วจีเด่น
ดั่งเดือนเพ็ญอาวรณ์เมื่อตอนตื่น
คอยทักทายหายช้ำระกำกลืน
ฟังแล้วรื่นชื่นจิต, สนิททรวง
คารวะท่าน กระต่าย ที่ปลายฟ้า
บนจันทราราตรีฤดีห่วง
ซึ้งในบทพจน์หลั่งจากทั้งปวง
เข้าสู่ห้วงคืนหลับ, รับอรุณ
คารวะท่าน พิกุลแก้ว แน่วแน่จิต
คมความคิดพลิกแพลงเป็นแรงหนุน
ถ้อยประเสริฐเลิศล้ำเข้าค้ำจุน
ยังหอมกรุ่นอุ่นรัก, เมื่อทักทาย
คารวะท่าน จะไม่เด็ด
ดั่งหยาดเพชรเก็จมณีมีความหมาย
ฉายสะท้อนย้อนยุคปลุกประกาย
เป็นเส้นสายรายรอบ, มาปลอบกัน
คารวะท่าน Tina เคยปราศรัย
ผ่องอำไพในกลอนอมรสรรค์
เป็นน้ำทิพย์อัมฤตชิดคืนวัน
พร่ำรำพันถึงอยู่, ไม่รู้ตัว
คารวะท่าน ไผ่เดียวดาย หมายสดับ
เมื่อตอนหลับกลับตื่นคืนสลัว
ยินกลอนมั่นพรั่นประหลาดหายหวาดกลัว
ซาบซ่านทั่วอณู, สู่นิทรา
คารวะท่าน ใบชา ที่ไร้หนอน
เหมือนท่วงเพลงอาวรณ์อันอ่อนล้า
จินตนาการถ้อยคำธรรมดา
ก็นำพาไหวหวั่น, จนพรั่นพรึง
คารวะท่าน ดวงไฟ อยู่ในนี้
หลากหลายมีศรัทธาจะมาถึง
จากถ้อยความลำนำให้คำนึง
ติดตราตรึงยิ่งนัก, กล่าวทักทาย
คารวะท่าน นันท์ เมื่อวันเหงา
บทเพลงเก่าเศร้าสร้อยร้อยความหมาย
ได้พบพานงานกลอนตอนอธิบาย
จวบอักษรตัวสุดท้าย, เหมือนร่ายมนต์