ถามกวี..กุลีตอบ
กวีร้อยลมเล่นเหมือนเส้นไหม
เขียนดาวเดือนด้วยใจที่ไหวถี่
แต่หยาบกร้านปราณปรุคือกุลี
โรยริบหรี่ใช่ดาว แรงก้าวเดิน
กวีทาบสีทองบนท้องฟ้า
ล้อดอกหญ้าเต้นย่ำระบำเหิน
ตะวันล้าคือกุลีที่เผชิญ
กับรอยเหยียบยับเยิน รากหญ้ายัน
กวีท่องธารทอมรกต
พรมไผ่พจน์บทละเวงเพลงสวรรค์
แต่ธารหลากพรากท้อมาลงทัณฑ์
กับคานไผ่ไล่ลั่น บ่าด้านชา
กวีเห็นพราวเพชรในเม็ดฝน
กับโค้งรุ้งเรียดหล่น โอบวนป่า
คือฝนเดียวรั่วหลั่งรูหลังคา
แหละรุ้งแสงแสบตา จากล้าแรง
แต่วันหนึ่งกวีเห็นความแห้งเหือด
กับร่อยเหลือกุลีเลือด ที่เหือดแห้ง
ที่หล่อทุนหนุนเศรษฐีให้มีแรง
เห็นใจแล้งแห้งร้ายบนลายคน
แล้วแต่นั้นฝันจริงก็ยิ่งชัด
รุ้งลมบนเลิกสะบัด กระแสบ่น
ยุติธรรมหรือเท่ายุติทน
กุลีกวีกับที่ผจญ ก็คนเดียว ฯ
พรายม่าน
สันทราย
๐๘.๐๘.๕๔